คติสมัยนัปากิณ อรรคภาพพระวินัยมหาวรรค ตอน ๑ ตติยสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย มหาวรรค ตอน 1 หน้า 146
หน้าที่ 146 / 233

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาในส่วนนี้พูดถึงการปฏิบัติตนในทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องการนุ่งผ้าถะสะ การพิจารณาความงามและการยอมรับในความสวย ตามหลักธรรมในพระวินัยและการเป็นอุคหสธ์ในชีวิตชีวา การอธิบายถึงภิกษุณีที่นุ่งผ้าถะสะและการรักษาความงามตามหลักพระพุทธศาสนายังคงเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับผู้ศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรม

หัวข้อประเด็น

-นุ่งผ้าถะสะ
-ความงามในพระพุทธศาสนา
-การยอมรับในความสวย
-การเป็นอุคหสธ์
-พระวินัยมหาวรรค

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - คติสมัยนัปากิณ อรรคภาพพระวินัยมหาวรรค ตอน ๑ หน้า 139 ผู้ใช้สมานด้วยการเสพเมถุนเป็นต้น แล้วกลับนุ่งผ้าถะสะ เขา เป็นคนเฒ่าสงวาสค์ ถ้าสามเณรปราถนาความเป็นอุคหสธ์ จึงผู้อ่านอาทุกหัก ทำผ้าถะสะ ใจงกระเบนดี ด้วยอาการอย่างอื่นดี เพื่อองดูว่า "เทพคุณสั่งของเราสวยหรือไม่สวย," ยังรักษาอยู่ก่อน; แต่ ยอมรับว่าสวยแล้วกลัณยินดีเทพอีก ย่อมเป็นคนเฒ่าสงวาสค์ แม่ ในนางงามวรรณคูณและยอมรับ ก็มีนัยเหมือนกันนั่นแหละ และถ้านุ่งผ้าถะสะที่นุ่งอยู่แล้ว ลองดูว่ากาม ยอมรับ ก็ตาม ยังรักษาอยู่แท้ แม่แห่งกิฎฐิ ฅนนี้แหละ แม้นางภิกษุณีนี้นั่น ปราณะจะเป็นอุคหสธ์ ถ้านุ่งผ้าถะสะ [๘๔] อย่างอุคหสธ์ เพื่อองดูว่า "เทพคุณสั่งของเราจะสวยหรือ ไม่สวย" ยังรักษาอยู่ก่อน; ถอยอมว่า สวย รักษาไม่ได้. ในการ นุ่งขาวอวดและยอมรับกันนี้แหละ. ส่วนผู้งามข้างทับผ้าถะสะที่นุ่งอยู่แล้ว จะลองดูคำว่า ยอมรับ ก็ตาม ยังรักษาอยู่แท้. ถ้าสามเณรบารงรูปบวมคงาม ไม่เน้นพรรณา ไม่ต้องอยู่แม่ในวดา มาางข้างหนึ่ง เมื่ออึ่นอาบในลุงใหญ่เป็นนต้น ซึ่งเขาเอาทีพิคขึ้น สอดบาตรเข้าไปรอเอาไปเหมือนเหยี่ยนลิ่น ชั้นเนื้อไปนั่น ยังไม่เป็นคนเฒ่าสงวาสค์ แต่เมื่ออับพรรณา ภิกษุรับเอา จัดว่าเป็นคนเฒ่าสงวาสค์. สามเณรเองแหละ เมื่อนับพรรษาโกงวัดฉล้มของสามเณรรับ เอาไป ยังไม่จัดเป็นเฒ่าสงวาสค์
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More