ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - พระธรรมปาฎิฉลูภาค ๖ - หน้า 220
ผู้เดียว ก็ชื่อว่าความเป็นไปแห่งศพ ยังอยู่เพียงใจ, ความตาย
ก็ย่อมมีแก่วรสัตว์เทวเพียงนั้นเหมือนกัน; แม้สังขารอันหนึ่ง ที่ชื่อว่า
เที่ยง ย่อมไม่มี เพราะเหตุนี้ ท่านพึงพิจารณาโดยอย่าแยบ
คายว่า 'ธรรมชาติมีความตายเป็นธรรม ตายเสียแล้ว, ธรรมชาติมี
ความแตกเป็นธรรม แตกเสียแล้ว, ไม่พึงเศร้าโศก; เพราะว่า
โบราณกัลบันทิตทิ้งหลาย ในภาคที่ล้มลุกตายแล้ว พิจารณาว่า
' ธรรมชาติมีความตายเป็นธรรม นายเสนแล้ว, ธรรมชาติมีความ
แตกเป็นธรรม แตกเสียแล้ว' ดังนี้แล้ว ไม่ทำความเศร้าโศกา เจริญ
มานัสติอย่างเดียว " อนันฎภูพุทธออวอนว่า" ข้าแต่พระองค ์ผู้
เจริญ บันติทพพวกไหน ได้ทำแล้วอย่างนั้น; และได้ทำในภาย
ไร? ขอพระองค ์องค์ทรงบอกแก่ข้าพระองค์" เพื่อจะทรงประกาศ
เมื่อความนั้น จึงทรงนำอธิฏิฏฺติในปัญญานิฎบนี้
ให้พิสดารว่า: -
" บุตรของเรา เมื่อสรีระใช้ไม่ได้ สรีระของ
ตนไป ดูงอกรามเก่าก่อนนั้น, เมื่อบุตรของเรา
ตายจากไปแล้ว, เขาถูกเผาอยู่ย่อมปริทรวน-
การของพญาติ, เพราะฉะนั้นเรา จึงไม่เศร้าโศกถึง
บุตรนั้น; เขามีดิฉันใดก็ไปสูดิฉันนั้น (เอง) "
ดังนี้แล้ว จึงทรง ( ต่อไปอีก ) ว่า " บันติทิในภายก่อน เมื่อ
ลูกรักทำละแล้วอย่างนั้น, ไม่ประพฤติอย่างท่าน ผู้ออกบัญญา
๑. ขุ. ชา. ปณฺฑ. ๒๗/๒๓๓. ตฤณูกฺถา. ๔/๕๐๐.