ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - พระธรรมปิฎกวิริยะอภิวาท ภาค ๖ หน้า 277
เพิ่งนี้? ธรรมดามารดาและบิดา อนุญาติโวัตรบำรุง ในเวลาที่ท่านแก่เสมอไปหรือ? แล้วให้บุตรและอธิฏฐานหลายบังคม ด้วยว่า " พวกเจ้ามา งจนงับบังพระพุทธ" แม้ ๒ สามีภรรยานั้น มีใจดี เลื่อมภูมิสูงสุดมีพระพุทธเจ้า เป็นประมุขแล้ว ทูลว่า " พระเจ้าข้า ของพระองค์จงทรงรับภิญญา ที่เรือนนี้แลเป็นนิติ" เมื่อพระศาสดา ตรัสว่า " ธรรมาคณะ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอบไม่ทรงรับภิญญาเป็นนิติ ในที่แห่งเดียวเท่านั้น," จึ่งกราบทูลว่า "ถ้ากระนั้น ขอพระองค์พส่งพวกคนที่มาเพื่อมนตุพระองค์ไปที่สำนักงานของพระองค์ พระเจ้าข้า" จำเดิมแต่บัดนั้น พระศาสดา ทรงส่งพวกคนที่มาเพื่อมนตุไป ด้วยพระดำรัสว่า " พวกท่านจงไปบอกแก่พราหมณ์เกิด" คนที่มา มนตุแต่เหล่านั้น ย่อมไปบอกพระพาทามว่า " เราอึดหลาย ย่อม มนตุพระศาสดา เพื่อเสวยในวันที่รุ่งนี้" ในวันรุ่งขึ้น พระมหามัยย่อมอภิวาทและภานะแกง จากเรือนของตนไปสู่สถานที่พระศาสดาประทับนั่งอยู่, ถึงในเมื่ออุรมนต์ ไป ( ฉัน ) ในที่อื่นไม่มี พระศาสดา ย่อมทรงกำจัดจิ้งเรือนของพระมหามัยนั่นแล. แม้ ๒ สามีภรรยานั้น ถ้วยไทยธรรมของตน แต่ว่าออกอภิวาทอยู่ ฟังธรรมภายอยู่ ตลอดกาลเป็นนิตย์ บรรลุอนาคามิ-ผลแล้ว. [ พระศาสดาตรัสบรรบลบประวัติของพระมหามัย ] ภิกขุทั้งหลาย สนทนากันในโรงธรรมว่า " ผู้ถืออุทิ้งหลาย