ความเข้าใจในเรื่องมนะและเทพเจ้า DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 25
หน้าที่ 25 / 481

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้สำรวจความเชื่อในวิญญาณและเทพเจ้า เริ่มจากสมัยมนะที่มีหมอผีเป็นตัวกลางในการอัญเชิญพลังจากวิญญาณ และพัฒนามาสู่ธรรมชาติเทวนิยม ซึ่งมีการนับถือวิญญาณว่าเป็นเทพเจ้า สิ่งเหล่านี้มีอยู่ทั่วในสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ เช่น ในธรรมชาติ สัตว์ และบุคคลที่เคารพนับถือ การนำสัตว์มาเป็นสัญลักษณ์ประจำเผ่าถูกเรียกว่า Totemism นอกจากนี้ยังมีพัฒนาการของความเชื่อเรื่องเทพเจ้าซึ่งแบ่งตามระดับ hierarchies อย่างเทพเจ้าสูงสุดที่ควบคุมโลกและชะตากรรมมนุษย์ นับตั้งแต่เอกเทวนิยมจนถึงพหุเทวนิยม รวมถึงการเคารพบรรพบุรุษและวีรบุรุษในบริบทนี้ด้วย

หัวข้อประเด็น

-หมอผี
-มนะ
-เทพเจ้า
-ธรรมชาติเทวนิยม
-พหุเทวนิยม
-เอกเทวนิยม
-Totemism
-วัฒนธรรมพื้นเมือง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เรียกว่า สมัยมนะ ต่อมาจึงเกิดหมอผี (Shaman) ซึ่งเป็นบุคคลที่จะอัญเชิญพลังวิเศษของมนะ ออกมาใช้ตามจุดประสงค์ต่าง ๆ ยุคที่หมอผีมีความสำคัญนี้เรียกว่า สมัยมายา ต่อมามนุษย์ได้ พยายาม ทำความเข้าใจในเรื่องมนะให้มากขึ้น ก็เกิดความเข้าใจว่า มนะก็คือวิญญาณนั่นเอง ซึ่งวิญญาณนี้สิงสถิตอยู่ในที่ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ในสิ่งแปลกประหลาดเท่านั้น อาจสิงอยู่ใน ตัวสัตว์ ในต้นไม้ ภูเขา และทะเล ก็ได้ จึงเกิดการนับถือสัตว์ที่ตนคิดว่าน่าจะมีวิญญาณสิงสถิต อยู่ เช่น นับถือจระเข้ เต่า แมว สิงโต เป็นต้น ทั้งยังนำสัตว์หรือสิ่งที่ตนเคารพมาเป็นที่เคารพ ของเผ่าจนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเผ่าต่าง ๆ ชาวพื้นเมืองบางเผ่าของประเทศนิวซีแลนด์ ได้ แกะสลักรูปคนนั่งซ้อนกันหรือที่เรียกว่า รูปเคารพติก การนำสัตว์หรือรูปแกะสลักมาเป็น สัญลักษณ์ประจำเผ่า เรียกว่า รูปเคารพประจำเผ่า (Totemism) ธรรมชาติเทวนิยม ต่อมามนุษย์ได้พยายามทำความเข้าใจในเรื่องวิญญาณให้แจ้งชัดขึ้นไปอีก ก็ได้มีความ เข้าใจว่าวิญญาณมีความศักดิ์สิทธิ์วิเศษเกินกว่าวิสัยของมนุษย์ จึงเรียกวิญญาณว่าเทวดาหรือ เทพเจ้า ซึ่งเทพเจ้าเหล่านี้สิ่งสถิตอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จึงเกิดการเรียกว่า พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระวรุณ พระอัคนี และพระคงคา ฯลฯ เช่นในศาสนากรีกโบราณและศาสนาพราหมณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังนับถือผู้ที่ตนเคารพ เช่น บิดา มารดา บรรพบุรุษ พระมหากษัตริย์ และวีรบุรุษ เป็นต้น ว่าเมื่อตายไปแล้วก็จะกลายเป็นเทพเจ้า สิงสถิตอยู่ในที่ทั่วไป เช่น บ้านเรือน เป็นต้น ที่เรียกกันว่า เจ้าที่เจ้าทาง หรือผีบ้านผีเรือน เทวนิยม สมัยต่อมา มนุษย์บางพวกเกิดความคิดว่า เทพเจ้าต่าง ๆ น่าจะมีฐานะสูงต่ำลดหลั่นกัน อย่างมนุษย์ ทั้งน่าจะมีเทพเจ้าสูงสุดเหนือกว่าเทพเจ้าทั้งหลาย ดุจพระราชาเป็นใหญ่กว่า ปวงประชา พระองค์ทรงมีอำนาจสูงสุด เช่น ทรงสร้างโลกและสรรพสิ่ง ตลอดทั้งกำหนดชะตา กรรมของมนุษย์ ทั้งดูแลความเป็นไปของโลก พวกที่มีความเชื่อดังกล่าว ยังมีความคิดแตกต่าง กันไปอีก บางคนมีความเห็นว่าเทพเจ้าสูงสุดมีหลายองค์ เช่น ศาสนาพราหมณ์ ก็เรียกว่า พหุเทวนิยม บางคนมีความเห็นว่าเทพเจ้าสูงสุดมี 2 องค์ คอยทัดทานอำนาจกัน ฝ่ายหนึ่ง สร้างแต่สิ่งที่ดี แต่อีกฝ่ายหนึ่งสร้างแต่สิ่งไม่ดี ดังที่มีสิ่งคู่กันอยู่ในโลก เช่น ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ก็เรียกว่า ทวิเทวนิยม และบางคนมีความเห็นว่าเทพเจ้าสูงสุดหรือพระเจ้ามีเพียงองค์เดียวเท่านั้น เช่น พระเจ้าในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม ก็เรียกว่า เอกเทวนิยม 10 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More