การตรัสรู้ของพระโคดม DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 150
หน้าที่ 150 / 481

สรุปเนื้อหา

ในเช้าวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 พระสมณโคดมได้ทรงรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดาเพื่อตอบแทนที่ได้บุตรชาย เมื่อพระองค์เสวยข้าวหมดและลอยถาดในน้ำ พบว่าถาดลอยทวนน้ำ ซึ่งทำให้ทรงมั่นใจว่าจะได้ตรัสรู้ ต่อมาเมื่อถึงต้นมหาโพธิ์ พระองค์ได้ทำการปฏิบัติธรรมอย่างหนัก โดยไม่ลุกขึ้นจนกว่าจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ผ่านการทำสมาธิและเอาชนะกิเลส โดยในคืนนั้น พระองค์ได้บรรลุญาณความรู้ที่ลึกซึ้ง ทำให้ทรงกลายเป็นพระพุทธเจ้า

หัวข้อประเด็น

- การเสวยข้าวมธุปายาส
- การลอยถาดในน้ำ
- การนั่งสมาธิที่ต้นมหาโพธิ์
- การต่อสู้กับกิเลส
- การบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ในเช้าวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 พระสมณโคดมได้ทรงรับข้าวมธุปายาสพร้อมถาด จากนางสุชาดา ซึ่งนางนำมาแก้บนที่ได้บุตรคนหัวปีเป็นชาย เมื่อเสวยข้าวมธุปายาสจนหมด จำนวน 49 ก้อน แล้วก็ทรงนำถาดทองใบนั้นไปลอยในน้ำ โดยทรงอธิษฐานเสี่ยงบารมีว่า ถ้า พระองค์จะได้สำเร็จพระโพธิญาณก็ขอให้ถาดนั้นลอยทวนน้ำขึ้นไป ถ้าจะไม่สำเร็จก็ขอให้ลอย ไปตามน้ำ ซึ่งก็ปรากฏว่าถาดได้ลอยทวนน้ำไปเป็นระยะทางไกล 1 เส้น จึงได้จมลงไปในน้ำวน แห่งหนึ่ง พระโคดมเมื่อทรงเห็นเช่นนั้นก็มั่นพระทัยว่าพระองค์จะต้องได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า อย่างไม่ต้องสงสัย ทรงปีติโสมนัสมาก 5.2.6 การได้ตรัสรู้ นับแต่การได้ออกทรงบรรพชาจนถึงเสวยข้าวมธุปายาสรวมเป็นเวลา 6 ปีเต็ม พระองค์ก็ได้เสด็จไปประทับนั่ง ณ โคนต้นสาละ แล้วพระดำริที่จะบำเพ็ญเพียรทางใจต่อไป โดยทรงกำหนดสถานที่ กำหนดเวลาและกิจที่จะต้องทำ เมื่อเตรียมวางแผนในเรื่องดังกล่าวได้ แล้วจึงเสด็จลุกจากต้นสาละ มุ่งตรงไปยังต้นมหาโพธิ์ที่ทรงกำหนดหมายไว้ ขณะนั้นได้มีคน เกี่ยวหญ้าคนหนึ่งชื่อ โสตถิยพราหมณ์ ถือหญ้าคา 8 กำ เดินสวนทางมา พอพราหมณ์นั้นมา พบพระโคดมก็เกิดเลื่อมใส จึงน้อมนำหญ้าคาทั้ง 8 กำนั้นเข้าไปถวาย พระองค์ก็ทรงรับแล้วก็ เสด็จต่อไปยังต้นมหาโพธิ์ เมื่อเสด็จไปถึงต้นมหาโพธิ์แล้วพระองค์ก็ทรงพิจารณาเห็นว่า เบื้อง ทิศตะวันออกของต้นมหาโพธิ์เป็นที่เหมาะเรียบราบสม่ำเสมอดี พระองค์จึงทรงเอาหญ้าคาทั้ง 8 กำนั้นปู ณ ที่นั้น ทรงทำความพอพระทัยในบัลลังก์หญ้านั้น โดยกำหนดนึกให้เสมอบัลลังก์แก้ว ทรงนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์หญ้านั้นหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก หันหลังให้ต้นมหาโพธิ์ แล้วได้ตั้งสัตยาธิษฐานไว้อย่างอุกฤษฎ์ว่า “ถ้าเรายังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตราบใด เราจักไม่ลุกขึ้นตราบนั้น แม้ว่าเนื้อเลือดจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนัง เอ็น กระดูก ก็ตามที แล้วทรงกระทำจิตเข้าสู่สมาธิ ในขณะนั้นได้เกิดความขัดแย้งระหว่างธรรมชาติฝ่ายต่ำ คือ กิเลส และธรรมชาติ ฝ่ายสูง คือ คุณธรรมต่างๆ ในพระทัยของพระองค์ แต่พระองค์มีพลังพระทัยเข้มแข็ง สามารถ ประมวลเอาบารมีที่เคยได้สั่งสมอบรมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ให้เข้มแข็งหนักแน่นเสมือน แผ่นดิน หักห้ามความคิดจะกลับหลังเสียได้โดยเด็ดขาดจนสามารถเอาชนะธรรมชาติฝ่ายต่ำได้ และสามารถทำให้จิตเข้าสู่สมาธิที่แน่วแน่มากยิ่งขึ้นตามลำดับ จนได้บรรลุฌานที่ 1 ถึงที่ 4 ตาม ลำดับ มีจิตที่แน่วแน่มั่นคงผ่องแผ้วจากกิเลสอาสวะทั้งปวงได้ แล้วทำให้บรรลุญาณความรู้เห็น เป็นขั้นตอนตามลำดับในราตรีนั้น คือ ศาสนา พุทธ DOU 135
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More