ข้อความต้นฉบับในหน้า
ด้วยมั่นใจว่าสิ่งที่ตนเชื่อและเลื่อมใสนั้น เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถอำนวยประโยชน์แก่ตนได้
ศาสนาที่มีมูลเหตุเกิดจากความภักดี ได้แก่ ศาสนาประเภทเทวนิยม เช่น ศาสนายิว ศาสนาคริสต์
ศาสนาอิสลาม เป็นต้น
4. เกิดจากความต้องการความรู้แจ้งความจริงของชีวิต เป็นมูลเหตุให้เกิดศาสนา โดย
เฉพาะพระพุทธศาสนาที่เน้นความรู้ประจักษ์แจ้งความจริงเป็นสำคัญ
5. เกิดจากความต้องการความสงบสุขของสังคม กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและ
กติกา ยังไม่พอที่จะทำให้สังคมมีความสงบสุข จำเป็นต้องมีคำสอนของศาสนาช่วยขัดเกลา
อบรมจิตใจของคนในสังคมให้มีความละอายต่อการทำชั่ว กลัวต่อการทำผิด เมื่อใช้กฎหมาย
ควบคู่กับคำสอนทางศาสนาแล้วย่อมทำให้สังคมมีความสงบสุขยิ่งขึ้น
1.6 ประเภทของศาสนา
เพราะความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และความเชื่อถือ จึงทำให้เกิดศาสนา
หลายรูปแบบขึ้นเพื่อสะดวกในการศึกษาจำเป็นจะต้องมีการแบ่งศาสนาออกเป็นประเภทต่าง ๆ
ตามลักษณะและสภาพการณ์จริงในปัจจุบันของศาสนาเหล่านั้น ดังนี้
1.6.1 แบ่งตามลักษณะของศาสนา ออกเป็น 4 ประเภท
1) เอกเทวนิยม (Monotheism) เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว เช่น ศาสนายิว ศาสนา
คริสต์ และศาสนาอิสลาม เป็นต้น
2) พหุเทวนิยม (Polytheism) เชื่อในพระเจ้าหลายองค์ เช่น ศาสนาฮินดู และ
ศาสนากรีกโบราณ เป็นต้น
3) สัพพัตถนิยม (Pantheism) เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในทุกคน ทุกแห่ง เช่น
ศาสนาฮินดู (บางลัทธิ) ถือว่าพระพรหมสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง
4) อเทวนิยม (Atheism) ไม่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้าง ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนา
เชน
ทั้ง 4 ประเภทนี้ อาจย่อลงเป็น 2 คือ
เทวนิยม (Theism) คือ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนายิว หรือยูดาย ศาสนา
คริสต์ ศาสนาอิสลาม เป็นต้น เชื่อในพระเจ้าสร้างโลก
อเทวนิยม (Atheism) คือ ศาสนาพุทธ ศาสนาเชน ปฏิเสธพระเจ้าสร้างโลก
12 DOU ศาสนศึกษา