ข้อความต้นฉบับในหน้า
4.2.3 ทรงดำริที่จะออกผนวช
เมื่อมหาวีระมีพระชนมายุได้ 28 พรรษา มีเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดเกิดขึ้น พระ
ราชบิดาและพระราชมารดาสิ้นพระชนม์ในระยะติด ๆ กัน ไม่ใช่เพราะประสบอุบัติเหตุหรือถูก
จนสิ้นพระชนม์
ปลงพระชนม์แต่เพราะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาด้วยการอดอาหารเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ
ไม่ใช่เพราะทรงขัดสนอาหาร หรือไม่มีอาหารเสวยเพียงพอ แต่ทรงตั้งพระทัยเด็ดเดี่ยวในการ
บำเพ็ญทุกรกิริยาด้วยวิธีอดอาหาร ซึ่งคนอินเดียในสมัยนั้นเชื่อว่าการตายด้วยวิธีการที่
เคร่งครัดเช่นนี้เป็นการตายที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นบุญลาภอันประเสริฐอย่างหนึ่ง เชฏฐภาดาของ
มหาวีระได้ขึ้นเสวยราชย์สืบต่อมาและทรงพระนามว่า พระเจ้าโมคทะ การสูญเสียครั้งนี้ทำให้
เจ้าชายมหาวีระเศร้าโศกมาก จึงดำริที่จะออกผนวชเป็นการไว้อาลัยแด่พระราชบิดาและพระ
ราชมารดา และจะขอถือปฏิญาณ 12 ปี ที่จะบำเพ็ญพรต งดพูดจา และไม่นำพาเกี่ยวกับการ
แต่งกาย แต่ถูกพระเชฏฐภาดาทรงห้ามไว้ โดยให้เหตุผลว่าการที่พระราชบิดาและพระราช
มารดาจากไปก็ทุกข์เศร้าโศกมากพออยู่แล้ว ถ้าเจ้าชายจะไปอีกคนหนึ่งก็ยิ่งเพิ่มความโทมนัส
มากยิ่งขึ้น มหาวีระจึงเชื่อฟัง
4.2.4 ทรงปฏิญาณแห่งความเป็นผู้นิ่ง 12 ปี
เมื่อพระชนมายุได้ 30 พรรษา หลังจากได้ขออนุญาตจากพระเชฏฐภาดาได้ 2 ปี
มหาวีระก็ได้ตัดสินพระทัยอย่างเด็ดเดี่ยวออกจากกรุงเวสาลีไป พอพ้นเขตนอกเมืองก็เปลี่ยน
เป็นเครื่องนุ่งห่มของนักบวชผู้ขอทาน พร้อมอธิษฐานว่า “ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เป็นเวลา 12
ปี จะไม่ยอมพูดจาอะไรกับใครแม้แต่คำเดียว” เป็นการถือปฏิญาณ 12 ปี หลังจากนั้นก็ได้
ท่องเที่ยว ไปเช่นเดียวกับนักบวชจำนวนพัน ๆ คนที่มีในอินเดียสมัยนั้น เมื่อผ่านหมู่บ้านชนบท
และนครต่างๆ ก็จะยื่นภาชนะขอรับอาหารจากประชาชนผู้ใจบุญ เมื่ออยู่ในป่าก็หาผลไม้รับ
ประทานเท่าที่จะหาได้ ส่วนมากจะใช้เวลาอยู่ตามเทือกผาป่าไม้โดยลำพังเพื่อตริตรอง
สอบสวนคำสอนของศาสนาพราหมณ์ และค้นหาหลักคำสอนใหม่ของพระองค์ต่อไป ตลอด
เวลาที่ผ่านมามิได้ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว แต่ใช้ความคิดตริตรองอย่างมาก ยิ่งคิดยิ่ง
พิจารณาก็มองเห็นคำสอนใหม่พร้อมทั้งเห็นข้อผิดพลาดของคำสอนในศาสนาพราหมณ์มากมาย
จึงคิดจะเปลี่ยนแปลงปฏิญาณให้ถูกต้องยิ่งขึ้น
ตลอดเวลา 12 ปี พระมหาวีระทรงรักษาปฏิญาณอย่างเคร่งครัดมาก แม้จะเผชิญ
Stevenson Simclair. The Heart of Jainism, 1970 p. 36-37.
ศาสนาเชน
DOU 101