ข้อความต้นฉบับในหน้า
แสดงตัวว่านับถือศาสนา และก็ในช่วงที่ศาสนิกถูกเบียดเบียนหนักนั่นเอง ชาวเต๋าบางส่วนก็ได้
หนีไปอยู่ที่ประเทศจีน คณะชาติเกาะไต้หวันอย่างเช่นจังอีร์ปู ผู้หนีไปอยู่ที่เกาะไต้หวัน ได้รับ
แต่งตั้งเป็นเทียนจื้อหรืออาจารย์สวรรค์ เป็นสังฆราชของศาสนาเต๋า ท่านผู้นี้ยังได้รับความ
เคารพและเกรงกลัวว่าเป็นผู้ปกครองภูตผีปีศาจและสัตว์ประหลาด
ปัจจุบันศาสนาเต๋ายังมี
ยังมีชีวิต มีนักบวชชายหญิง มีศาลเจ้า มีสมาคมในหมู่ชาวจีน มีโรงเจ
สำหรับคนบริโภคอาหารมังสวิรัติอยู่ทั่วไป แต่การนับถือศาสนาเต๋าได้เสื่อมลงเพราะผิดไปจาก
หลักการเดิมในคัมภีร์เต๋า เด็กเก่ง คือมากไปในทางทรงเจ้า บูชาเจ้า พระเต๋ามีหน้าที่สวดมนต์
ให้พร รดน้ำมนต์ ขายเครื่องรางของขลัง ทำพิธีขับผีและทำเสน่ห์เล่ห์กล เป็นต้น บางแห่งก็นำ
ศีล 5 ทางพุทธศาสนาไปปฏิบัติ และนำพระสูตรทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานไปสวดด้วย
กลายเป็นเต๋าผสมพุทธ ชาวเต๋าส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องศาสนาเต๋า ไม่ได้ศึกษาคัมภีร์เต๋า เด็กเก่ง ได้
แต่ปฏิบัติตามประเพณีที่ทำตามกันมาเท่านั้น แต่ต่อไปสถานการณ์ของศาสนาบนแผ่นดิน
ใหญ่คงดีขึ้นในอนาคต เพราะหลังจากเมาเซตุง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์เสียชีวิต ในปี พ.ศ.
2520 รัฐบาลจีนได้หันไปติดต่อกับโลกภายนอกมากขึ้น จึงได้ผ่อนคลายการกดขี่ศาสนาลง
ให้พลเมืองมีเสรีภาพในการนับถือศาสนามากขึ้นเช่นอนุญาตให้พระและสามเณรกลับไปอยู่วัดได้
ให้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ และ พ.ศ. 2522 มหาวิทยาลัยนานกิงได้เป็นศูนย์กลาง
ศึกษาศาสนาต่าง ๆ ในประเทศจีน ปัจจุบันการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ กำลังล่มสลายใน
หลายประเทศ แม้ในประเทศจีนเองอิทธิพลของการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ก็ลดลงตามลำดับ
ทำให้พลเมืองมีเสรีภาพมากขึ้นในการนับถือศาสนา ผู้ที่นับถือศาสนาเต๋าอยู่แล้วก็กล้าที่จะ
แสดงตัว ทั้งนี้ เป็นความจริงที่ว่า ความเชื่อของคนไม่อาจล้มล้างด้วยกำลังได้ การเปลี่ยนความ
เชื่ออย่างหนึ่งจะต้องใช้ความเชื่ออีกอย่างหนึ่งซึ่งดีกว่ามาทดแทนเท่านั้น มิใช้ด้วยกำลัง
ศาสนิกศาสนาเต๋า ในปัจจุบันมีประมาณ 183 ล้านคน (Encyclopaedia Britannica 1992
: 269) กระจายอยู่ในประเทศต่างๆ ที่ชาวจีนอาศัยอยู่มาก เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย และ
สิงคโปร์ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน
ศาสนาเต๋า DOU 213