ข้อความต้นฉบับในหน้า
เตือนให้สาวกตื่นเพื่อระวังภัย ทำอย่างนี้อยู่ถึง 3 ครั้ง สาวกก็ยังไม่ปฏิบัติตาม ก็พอดีปรากฏว่า
มีคนถือไม้พลองเป็นอาวุธกรูกันเข้ามายังภูเขาที่พักพระเยซูและสาวก ขณะเดียวกัน ยูดาห์
อิสการิโอด สาวกผู้ทรยศได้ตรงเข้าจูบพระเยซู เป็นสัญญาณตามที่นัดหมายกันไว้ ทหารโรมัน
ก็จับพระเยซูไป พระเยซูได้ตรัสแก่ทหารที่มาจับว่า จะต้องถือไม้พลองมาทำไม พระองค์มีมือ
เปล่าไม่มีพิษภัยอะไร ถ้าอยากจับพระองค์จะจับเวลาอยู่ในโบสถ์หรืออยู่ที่ไหนก็ได้
17. คณะกรรมการศาสนาสอบความผิด
พระเยซูทรงเหลียวมองหาสาวกก็ไม่เจอสักคนเดียว คงจะกลัวถูกจับจึงหลบหนีกัน
ไปหมด พระเยซูได้ถูกนำไปที่บ้านมหาปุโรหิต (สังฆราชยิว) ผู้เป็นประธานกรรมการ (Synodus)
นั่นเองและคณะกรรมการก็ได้ทำการสอบสวนชำระความทันทีที่บ้านนั้น โดยเรียกคนหลายคน
มาเป็นพยานพยานทุกคนก็ให้การปรักปรำพระเยซู โดยเฉพาะข้อที่ว่า พระเยซูตั้งตนเป็น
พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ของยิว อ้างตนเป็นลูกของพระเจ้า เป็นเมสสิยาห์ พระเยซูไม่ตอบ
แม้ประธานฯ จะถามอะไรพระเยซูก็ทรงนิ่ง แล้วในที่สุดประธานฯก็ถามเป็นคำถามสุดท้ายว่า
พระเยซูเชื่อพระองค์ว่าเป็นลูกพระเจ้าและเป็นเมสสิอาห์จริงหรือ พระเยซูรับว่า จริงในข้อนี้
ประธานฯ กล่าวในที่ประชุมว่า ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องซักถามอะไรอีก แล้วถามความเห็นที่
ประชุม ที่ประชุมมีมติให้ลงโทษประหารชีวิตพระเยซู
ในขณะที่พระเยซูนั่งอยู่นั้น มีหลายคนเข้ามาทำร้ายตบตี ถ่มน้ำลายรด เอาผ้าปิดตา
พระองค์แล้วกลั่นแกล้งพระเยซูให้ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน แต่พระเยซูก็นิ่งเฉย ไม่ขัดขืน
ตอบโต้
18. ต้องคำพิพากษาประหารชีวิต
เป็นอันว่า สภาการศาสนาได้พิพากษาประหารชีวิตพระเยซู แต่การที่จะปฏิบัติตาม
คำพิพากษาอุกฤษฏ์โทษอย่างนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้สำเร็จราชการโรมันก่อน จึง
จะดำเนินการได้ ฉะนั้นพอสว่างพระเยซูก็ถูกนำตัวไปให้ผู้สำเร็จราชการโรมัน โดยมีข้อหาว่า
พระเยซูจะตั้งตนเป็นกษัตริย์ยิว ซึ่งเป็นการกบฏต่อซีซาร์
ผู้สำเร็จราชการโรมัน ถามพระเยซูว่า ท่านได้ตั้งตนเป็นพระเจ้าแผ่นดินผิวจริงหรือ ?
พระเยซูตรัสตอบว่า “อาณาจักรของข้าพเจ้ามิได้อยู่ในโลกนี้” ผู้สำเร็จราชการโรมันพยายาม
ถามหลายอย่างก็ไม่สามารถจับได้ว่า พระเยซูทำผิดในข้อหาใด แต่หน้าที่ผู้สำเร็จราชการเป็น
หน้าที่การเมืองและเห็นว่าชาวยิวเป็นอันมากไม่ชอบพระเยซู มีแต่คนเกลียดชังและเป็นศัตรูต่อ
330 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า