ข้อความต้นฉบับในหน้า
พื้นเมืองเดิมกับพวกผิวขาว
ได้แก่พวกอารยันที่เข้ามารุกรานและตั้งถิ่นฐานในอินเดียในยุค
พระเวทตอนต้น ซึ่งในเวลาต่อมาได้แบ่งออกเป็น 4 วรรณะ คือ
1. วรรณะพราหมณ์ มีหน้าที่ติดต่อกับเทพเจ้า สั่งสอนศาสนาและประกอบพิธีกรรมแก่
ประชาชนทุกวรรณะ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ศึกษาจดจำและสืบต่อคัมภีร์พระเวท และเป็น
ปุโรหิตให้แก่กษัตริย์ พวกพราหมณ์ถือว่าพวกตนเป็นวรรณะสูงสุดในสังคม เพราะเกิดจาก
พระโอษฐ์ของพระผู้เป็นเจ้าตามที่อ้างไว้ในคัมภีร์พระเวท
2. วรรณะกษัตริย์ ได้แก่พวกนักรบ ทำหน้าที่ป้องกันชาติบ้านเมืองและทำศึกสงคราม
ขยายเขตแดน ในคัมภีร์ฤคเวทกล่าวว่าวรรณะกษัตริย์เกิดจากพระพาหา (แขน) ของพระผู้
เป็นเจ้า
3. วรรณะแพศย์ เป็นวรรณะของคนส่วนใหญ่ในสังคม ได้แก่ผู้ประกอบพาณิชยกรรม
เกษตรกรรม และศิลปหัตถกรรมต่าง ๆ วรรณะแพศย์เกิดจากพระโสณี (ตะโพก) ของพระผู้เป็นเจ้า
4. วรรณะศูทร เป็นวรรณะของพวกกรรมกร ผู้ทำงานรับจ้างที่ต้องใช้แรงงานแบกหาม
หรือให้บริการแก่วรรณะอื่น ๆ วรรณะศูทรถือเป็นวรรณะต่ำสุด เพราะเกิดจากพระบาทของ
พระผู้เป็นเจ้า
ในสมัยพระเวท คนในสังคมส่วนใหญ่จะอยู่ในวรรณะแพศย์ แต่ในปัจจุบันวรรณศูทร มี
มากที่สุดคือ 61% ของอินเดียทั้งหมด และคนพวกนี้ได้แก่พวกคนชั้นกรรมาชีพ โสเภณี และ
กรรมกร
นอกจากนี้ ยังมีพวกนอกวรรณะ ซึ่งเกิดจากการแต่งงานข้ามวรรณะ เรียกว่า จัณฑาล พวก
นี้เป็นที่รังเกียจของทุกวรรณะ การแบ่งวรรณะดังกล่าวคงเกิดจากการแบ่งแยกพวกหมู่ตามเผ่า
พันธุ์ด้วย ปราชญ์สันนิษฐานว่าพวกนักบวชและพ่อค้าเผ่าอารยันได้กลายเป็นวรรณะพราหมณ์
กษัตริย์ และแพศย์ พวกทาสของอารยันได้กลายมาเป็นวรรณะศูทร ส่วนพวกเจ้าถิ่นชมพูทวีป
แต่เดิม และชนเผ่าล้าหลังอื่น ๆ เป็นพวกนอกวรรณะ และค่อยๆ ถูกจัดรวมเข้าในวรรณะต่ำ
ในคัมภีร์มนูธรรมศาสตร์ มีความหมายแสดงไว้ว่าวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์ และแพศย์
เป็นอารยะ ส่วนวรรณะศูทรและนอกนั้นเป็นอนารยะ ซึ่งการแบ่งชั้นตามระบบวรรณะของ
สังคมฮินดูนี้เป็นเครื่องมือสงวนและจำกัดสิทธิ์ในการประกอบอาชีพ และกิจการทั้งหลาย
52 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า