การเข้าใจศาสนาบาไฮและครูแห่งพระเจ้า DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 471
หน้าที่ 471 / 481

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายถึงความลับของพระเจ้าที่ซ่อนเร้นและบทบาทของครูหรือศาสดาที่ถูกส่งมาเพื่อชี้นำมนุษยชาติในแต่ละยุคสมัย เหล่านี้รวมถึงหลักการที่ว่าศาสนาต่าง ๆ มาจากพระเจ้าเดียวกัน โดยครูแต่ละท่านสะท้อนคุณลักษณะของพระเจ้าผ่านความรักและความเมตตา การเรียนรู้และการปฏิบัติตามคำสอนของครูเหล่านี้เป็นวิธีหนึ่งในการเข้าใกล้พระเจ้า นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงความสำคัญของการมีศาสดาในหลากหลายยุคสมัยเพื่อนำเสนอสัจธรรมที่ผู้คนสามารถเข้าใจได้ในแต่ละช่วงเวลา และความสัมพันธ์ระหว่างการพัฒนาของมนุษย์กับการศึกษาในระดับต่าง ๆ ที่มีความเหมาะสมเพื่อเติบโตในทางจิตวิญญาณ.

หัวข้อประเด็น

-ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า
-บทบาทของครูและศาสดา
-ศาสนาบาไฮ
-การพัฒนาจิตวิญญาณ
-สัจธรรมในศาสนาต่าง ๆ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เพราะพระองค์ทรงเร้นลับอยู่ในสาระอนันต์ของพระองค์และสภาวะของพระองค์จะคงซ่อนเร้น จากสายตาของมนุษย์ชั่วนิรันดร์” แม้ว่าพระองค์จะมีอยู่อย่างยากที่มนุษย์จะเข้าใจ แต่พระองค์ก็ทรงส่งครูมาบอกเราว่า พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร ครูเหล่านี้ถูกเรียกหลายอย่าง เช่น พระอวตาร ศาสดา และพระผู้แสดง ธรรมของพระผู้เป็นเจ้านั้น ครูเหล่านี้เป็นมนุษย์พิเศษที่ถูกเลือกโดยพระผู้เป็นเจ้า เพื่อ แนวทางในการดำเนินชีวิต และนำทางมนุษยชาติตามแผนงานของพระองค์ ครูเหล่านี้มีธรรมชาติ 2 ลักษณะในตัว คือเป็นมนุษย์เหมือนเรา แต่มีวิญญาณที่อิสระเหนือขีดจำกัดของร่างกาย อำนาจของพระเป็นเจ้าปฏิบัติการผ่านทางครูหรือศาสดาเหล่านี้ ดังนั้นท่านเหล่านี้จึงมีชัย เหนือหัวใจของมนุษย์ในที่สุด ครูหรือศาสดาแต่ละท่านจะสะท้อนคุณลักษณะ และคุณสมบัติของพระผู้เป็นเจ้า เช่น ความรัก ความเมตตาปรานี ความเอื้อเฟื้อ ความอดทน และความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นต้น ดังนั้นทางเดียวที่เราจะรู้จักพระเป็นเจ้าได้ คือการมองไปยังครูหรือศาสดาทั้งหลายเหล่านี้และ ปฏิบัติตามท่าน เมื่อผู้ใดสวดอธิษฐาน ทำสมาธิ เพื่อจะบรรลุคุณธรรมและคุณลักษณะของ พระผู้เป็นเจ้า เราอาจกล่าวได้ว่า ผู้นั้นกำลังพัฒนาตนเพื่อที่เป็นรูปจำลองของพระผู้เป็นเจ้า 14.5 หลักความเชื่อและจุดหมายสูงสุด ศาสนาบาไฮ สอนว่า ศาสนาบาไฮเป็นศาสนาที่แท้จริงของมนุษยชาติ มีเพียงศาสนาเดียว เป็นศาสนาสากล ส่วนศาสนาอื่น ๆ ล้วนแต่มาจากศาสนาบาไฮทั้งสิ้น กล่าวคือ ศาสนาบาไฮเชื่อว่า ศาสนาต่าง ๆ มาจากพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่คนอาจเรียกพระองค์ด้วยพระนามต่าง ๆ กันไป ส่วนศาสดาของศาสนาต่างๆ ก็คือตัวแทนของพระองค์ที่ทรงส่งลงมา เพื่อเปิดเผยสัจธรรมของ พระองค์แก่มนุษยชาติ ส่วนที่ต้องมีศาสดามากมายในยุคสมัยต่าง ๆ ก็เพราะสัจธรรมมีมาก หากพระเจ้าจะทรงให้ใครมาเปิดเผยความจริงทั้งหมดทีเดียว ก็เกินวิสัยที่มนุษย์จะรับได้จึงต้อง ใช้วิธีแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นพระเจ้าจึงส่งศาสดามาตามยุคสมัยต่าง ๆ เพื่อนำสัจธรรมที่ เหมาะสมกับยุคสมัยนั้นมาให้มนุษย์ปฏิบัติ ดุจเดียวกับการเจริญเติบโตของคนเป็นวัยต่างๆ จากเด็กทารก เด็ก หนุ่มสาว กลางคน และแก่เฒ่า ซึ่งแต่ละวัยก็มีวุฒิภาวะต่างกัน เพราะ ฉะนั้นจึงต้องมีครูมาสอนตามสถานศึกษาในระดับต่างๆ โรงเรียนอนุบาล ประถม มัธยม วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย 456 DOU ศาสนศึกษา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More