ข้อความต้นฉบับในหน้า
เพราะพระองค์ทรงเร้นลับอยู่ในสาระอนันต์ของพระองค์และสภาวะของพระองค์จะคงซ่อนเร้น
จากสายตาของมนุษย์ชั่วนิรันดร์”
แม้ว่าพระองค์จะมีอยู่อย่างยากที่มนุษย์จะเข้าใจ แต่พระองค์ก็ทรงส่งครูมาบอกเราว่า
พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร ครูเหล่านี้ถูกเรียกหลายอย่าง เช่น พระอวตาร ศาสดา และพระผู้แสดง
ธรรมของพระผู้เป็นเจ้านั้น ครูเหล่านี้เป็นมนุษย์พิเศษที่ถูกเลือกโดยพระผู้เป็นเจ้า เพื่อ
แนวทางในการดำเนินชีวิต และนำทางมนุษยชาติตามแผนงานของพระองค์ ครูเหล่านี้มีธรรมชาติ
2 ลักษณะในตัว คือเป็นมนุษย์เหมือนเรา แต่มีวิญญาณที่อิสระเหนือขีดจำกัดของร่างกาย
อำนาจของพระเป็นเจ้าปฏิบัติการผ่านทางครูหรือศาสดาเหล่านี้ ดังนั้นท่านเหล่านี้จึงมีชัย
เหนือหัวใจของมนุษย์ในที่สุด
ครูหรือศาสดาแต่ละท่านจะสะท้อนคุณลักษณะ และคุณสมบัติของพระผู้เป็นเจ้า เช่น
ความรัก ความเมตตาปรานี ความเอื้อเฟื้อ ความอดทน และความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นต้น
ดังนั้นทางเดียวที่เราจะรู้จักพระเป็นเจ้าได้ คือการมองไปยังครูหรือศาสดาทั้งหลายเหล่านี้และ
ปฏิบัติตามท่าน เมื่อผู้ใดสวดอธิษฐาน ทำสมาธิ เพื่อจะบรรลุคุณธรรมและคุณลักษณะของ
พระผู้เป็นเจ้า เราอาจกล่าวได้ว่า ผู้นั้นกำลังพัฒนาตนเพื่อที่เป็นรูปจำลองของพระผู้เป็นเจ้า
14.5 หลักความเชื่อและจุดหมายสูงสุด
ศาสนาบาไฮ สอนว่า ศาสนาบาไฮเป็นศาสนาที่แท้จริงของมนุษยชาติ มีเพียงศาสนาเดียว
เป็นศาสนาสากล ส่วนศาสนาอื่น ๆ ล้วนแต่มาจากศาสนาบาไฮทั้งสิ้น กล่าวคือ ศาสนาบาไฮเชื่อว่า
ศาสนาต่าง ๆ มาจากพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่คนอาจเรียกพระองค์ด้วยพระนามต่าง ๆ กันไป
ส่วนศาสดาของศาสนาต่างๆ ก็คือตัวแทนของพระองค์ที่ทรงส่งลงมา เพื่อเปิดเผยสัจธรรมของ
พระองค์แก่มนุษยชาติ ส่วนที่ต้องมีศาสดามากมายในยุคสมัยต่าง ๆ ก็เพราะสัจธรรมมีมาก
หากพระเจ้าจะทรงให้ใครมาเปิดเผยความจริงทั้งหมดทีเดียว ก็เกินวิสัยที่มนุษย์จะรับได้จึงต้อง
ใช้วิธีแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นพระเจ้าจึงส่งศาสดามาตามยุคสมัยต่าง ๆ เพื่อนำสัจธรรมที่
เหมาะสมกับยุคสมัยนั้นมาให้มนุษย์ปฏิบัติ ดุจเดียวกับการเจริญเติบโตของคนเป็นวัยต่างๆ
จากเด็กทารก เด็ก หนุ่มสาว กลางคน และแก่เฒ่า ซึ่งแต่ละวัยก็มีวุฒิภาวะต่างกัน เพราะ
ฉะนั้นจึงต้องมีครูมาสอนตามสถานศึกษาในระดับต่างๆ โรงเรียนอนุบาล ประถม มัธยม วิทยาลัย
และมหาวิทยาลัย
456 DOU ศาสนศึกษา