การพัฒนาพราหมณ์และแนวคิดปรัชญา DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 70
หน้าที่ 70 / 481

สรุปเนื้อหา

นักบวชพราหมณ์ในเมืองตักสิลาได้พัฒนาให้พิสดารมากขึ้น โดยเน้นความสำคัญของพรหมาเป็นศูนย์กลางแห่งความรู้ วิญญาณทุกดวงเกิดจากพรหมาและต้องเวียนว่ายตายเกิดตามกรรมเก่า เมื่อวิญญาณหลุดพ้นจากเวียนว่ายตายเกิดจะกลับไปอยู่กับพรหมา เรื่องวันสิ้นโลกและการสร้างโลกใหม่ก็เป็นที่เชื่อกัน โดยแบ่งเวลาของโลกเป็นกัลป์และมหายุคที่มีการลดลงของความดีในแต่ละยุค.

หัวข้อประเด็น

-พัฒนาการของพราหมณ์
-แนวคิดเกี่ยวกับพรหม
-การเวียนว่ายตายเกิด
-วันสิ้นโลกและกัลป์
-มหายุคและยุคต่างๆ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

นักบวชพราหมณ์ได้พัฒนาให้เจริญมากขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาอยู่ที่เมือง ตักสิลาเป็นที่ชุมนุมของพวก ทิศาปาโมกข์ อนึ่ง ในสมัยนี้ ได้มีการกำหนดความสำคัญของเทพเจ้ากันใหม่ตามความนิยมของสังคม “พรหมา” ได้รับการยกย่องให้เป็นองค์แห่งความแท้จริงองค์เดียว ซึ่งประทานความรู้ให้เรา สามารถเห็นแจ้งได้ บรรดาทวยเทพทั้งหลายเป็นลักษณะที่ปรากฏขึ้นชั่วคราวของพระผู้ทรง ความเป็นหนึ่ง แม้จะถือว่าพรหมาเป็นอันติมสัจจ์ แต่ประชาชนส่วนมากยังคงยอมรับนับถือ ทวยเทพเหมือนเดิม เพราะลักษณะของพรหมานั้นยากที่ชาวบ้านสามัญจะพลอยคิดตามได้ ในด้านความคิด เรื่องการเกิดและการตายได้ถูกอธิบายว่า การที่มนุษย์ต้องเวียนว่ายตาย เกิดในสภาพต่าง ๆ กัน เพราะกรรมเก่า (ซึ่งหมายถึงการกระทำดีและชั่ว) พรหมาเป็นศูนย์ รวมและเป็นต้นกำเนิดแห่งวิญญาณทั้งปวง สิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนถือกำเนิดมาจากพรหม วิญญาณทุกดวงที่แยกออกมาจากพรหมอาจเข้าสิงสถิตในร่างกายของเทวดา มนุษย์ สัตว์ หรือ พืชก็ได้ ทุกครั้งที่ร่างเดิมแตกดับจากสภาพใดสภาพหนึ่งไปอุบัติในร่างใหม่เรียกว่า ภพ หรือ ชาติหนึ่ง ตราบใดที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตามคงต้องผจญกับความทุกข์ เรื่อยไป เมื่อใดก็ตามที่วิญญาณหลุดพ้นจากภาวะเวียนว่ายตายเกิดเรียกว่า โมกษะ วิญญาณ ดวงนั้นจะกลับไปรวมกับพรหมเช่นเดิม การที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ก็ด้วย การยุติการกระทำกรรมทั้งดีและชั่ว ความคิดในเรื่องวันสิ้นโลกได้ถูกเชื่อกันว่าโลกที่พรหมาสร้างมีกำหนดอายุขัย เมื่อครบ กำหนดอายุขัยจะมีการล้างโลกแล้วสร้างโลกขึ้นใหม่ ระยะเวลานับแต่สร้างโลกจนถึงล้างโลก เรียกว่า “กัลป์” ในหนึ่งกัลป์แบ่งเป็น 4 ยุค คือ กฤตยุค เตรตายุค ทวาปรยุค และกลียุค ยุค ทั้ง 4 รวมกันเรียกว่า “มหายุค” แต่ละยุคเวลาจะสั้นลง ๆ ตามลำดับ พร้อมกันนั้นความดีงาม ในโลกก็ลดลงตามลำดับเช่นกัน คือ ໆ 1. กฤตยุค (เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สัตยยุค) เป็นยุคแห่งสัจธรรมอันบริสุทธิ์ มีแต่พรหมัน เพียงพระองค์เดียว ไม่มีความโลภ โกรธ หลง ความคดโกงและความทุกข์ ผู้ใดปรารถนาสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น 2. เตรตายุค สัจธรรมเสื่อมลงจากกฤตยุค 1 ใน 4 ไม่มีการประกอบพิธีกรรม มนุษย์ ปฏิบัติธรรมเพื่อหวังอานิสงส์ จากการปฏิบัติธรรมนั้น 3. ทวาปรยุค สัจธรรมเสื่อมลงครึ่งหนึ่งของสมัยกฤตยุค มนุษย์เริ่มประสบภัยจากความ เจ็บป่วย เกิดตัณหา นิยมทำความชั่ว และมีพิธีล้างความชั่ว พระเวททั้ง 4 เกิดในยุคนี้ แต่ไม่ได้ ศ า ส น า พ ร า ห ม ณ์ - ฮินดู DOU 55
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More