ประวัติศาสตร์ชาวยิวและความรุ่งเรืองภายใต้โยเซฟ DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 304
หน้าที่ 304 / 481

สรุปเนื้อหา

เรื่องราวตั้งแต่การที่โยเซฟนำธัญญาหารมาเก็บในยุ้งฉาง จนเกิดความแห้งแล้งทำให้ชาวยิวอพยพกันอย่างมากมายในอียิปต์ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โยเซฟสิ้นชีวิต ชาวยิวเริ่มประสบปัญหาเมื่อฟาโรห์องค์ใหม่กลัวจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชาวยิวกลายเป็นทาส ข้อบังคับที่เข้มงวดถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมจำนวนประชากรยิว รวมถึงการฆ่าเด็กชายที่เกิดใหม่ สถานการณ์ที่เลวร้ายนี้นำไปสู่การก่อตั้งศาสนายิวซึ่งมีโมเสสเป็นศาสดา ต่อมา ชาวยิวต้องเผชิญภัยพิบัติหลายครั้ง จนกระทั่งถูกปกครองโดยอัสซีเรียและบาบิโลน ก่อนจะได้กลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของเปอร์เซีย

หัวข้อประเด็น

- การเก็บธัญญาหารโดยโยเซฟ
- การอพยพของชาวยิว
- การเป็นทาสของชาวยิว
- การฆ่าเด็กชายที่เกิดใหม่
- โมเสสและศาสนายิว
- การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของชาวยิว

ข้อความต้นฉบับในหน้า

กันถึง 7 ปี โยเซฟก็ให้นำธัญญาหารมาเก็บไว้ในยุ้งฉางจนเต็มทั้งหมด และเมื่อสิ้นปีที่อุดมแล้ว ความแห้งแล้งขนาดหนักก็ได้เกิดขึ้น ประชากรอดอยากมาก ก็ได้อาหารจากยุ้งฉางที่โยเซฟให้ สร้างไว้ประทังชีวิตสืบต่อมา เรื่องนี้ทำให้ฟาโรห์ทรงโปรดโยเซฟมาก โยเซฟจึงรุ่งเรืองด้วย ลาภยศชื่อเสียง ทำให้ชาวยิวทราบข่าวจึงพากันอพยพมาอยู่ในอียิปต์อย่างมากมาย และมาอยู่ กันอย่างมีความสุข เพราะบารมีของโยเซฟ แต่เมื่อสิ้นโยเซฟแล้ว ชาวยิวเริ่มลำบากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ก็เพราะ ฟาโรห์องค์ใหม่ไม่พอพระทัยที่เห็นจำนวนประชากรยิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หาก ขืนปล่อยไว้จะเป็นภัยแก่อียิปต์ จึงทรงทำให้ชาวยิวเป็นทาส เกณฑ์ให้ชาวยิวทำงานหนัก เช่น สร้างปิรามิด เป็นต้น เพื่อชาวยิวจะได้ล้มตายไปเรื่อยๆ เป็นการลดจำนวนประชากรยิวไปในตัว และยังมีอีกวิธีหนึ่งที่จะลดประชากรยิวอย่างได้ผลทันทีนั่นก็คือให้ฆ่าเด็กชายชาวยิวที่เกิดใหม่ ทุกคน ดังที่ฟาโรห์ตรัสว่า “บุตรชายเฮบรูทุกคนที่เกิดมา ให้เอาไปทิ้งเสียในแม่น้ำไนล์ แต่ บุตรีทุกคนให้รอดอยู่ได้” การที่ฟาโรห์ให้ปล่อยเด็กหญิงไว้ก็เพื่อเมื่อเติบใหญ่จะให้แต่งงานกับ ชาวอียิปต์ จะเป็นการกลืนชาติยิวไปในที่สุด ศาสนายิวถ้าจะว่าในทางวิชาการแล้วก็ว่าเกิดขึ้นในสมัยโมเสสกล่าวคือมีโมเสสเป็นศาสดา ส่วนประวัติของโมเสสจะได้กล่าวต่อไปเมื่อถึงเรื่องประวัติศาสดา ศาสนายิวเป็นศาสนาของ ชาวยิวมาตลอดตั้งแต่โมเสสนำมาเผยแพร่และเจริญรุ่งเรืองมากในช่วงที่ชาวยิวมีประเทศของ ตนเองที่แคว้นคานาอัน ชาวยิวมีประเทศอยู่สุขสบายเป็นเวลาประมาณ 700 ปี แต่ก็มีเคราะห์ กรรมที่ต้องตกเป็นทาสของเขาอีก กล่าวคือเมื่อพระเจ้าโซโลมอนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาติ ยิวสวรรคตในปี 379 ก่อน พ.ศ. ผิวจึงได้แตกเป็น 2 อาณาจักร อาณาจักรทางเหนือเรียกว่า อิสราเอล ส่วนอาณาจักรทางใต้เรียกว่ายูดา เมื่อแบ่งเป็น 2 อาณาจักร ยิวก็เริ่มอ่อนแอและ ต่อมาหลังจากสิ้นสมัยของ พระเจ้าโซโลมอนแล้วได้ 200 ปี อาณาจักรอิสราเอลก็ตกอยู่ใน อำนาจของอัสซีเรียในปี 178 ก่อน พ.ศ. ชาวยิวถูกจับเป็นทาส ส่งไปทำงานในดินแดนต่าง ๆ ทำให้ ชาวยิวสาบสูญไปเป็นอันมาก เชื่อกันว่าชาวยิวมี 12 ตระกูลได้ถูกทำลายในครั้งนั้นถึง 10 ตระกูล ส่วนอาณาจักรยูดาก็ประคองตัวมาได้อีก 135 ปี ก็ตกเป็นเชลยของบาบิโลนในปีก่อน พ.ศ. 43 พวกบาบิโลนได้ทารุณพวกยิวมาก ทั้งได้เผาทำลายบ้านเมืองตลอดถึงวิหารในเมืองเยรูซาเล็ม ที่พระเจ้าโซโลมอนทรงสร้างไว้ แต่บาบิโลนก็ปกครองยิวได้เพียง 40 ปี บาบิโลนก็ตกเป็นเมือง ขึ้นของเปอร์เซียในปีที่ 3 ก่อน พ.ศ. ชาวยิวจึงตกอยู่ในอำนาจของเปอร์เซียโดยอัตโนมัติ แต่ เปอร์เซียไม่โหดร้ายต่อชาวยิวเหมือนพวกบาบิโลน ชาวยิวได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเมืองได้ 1 องค์การเผยแผ่พระคริสต์ธรรม, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม ฉบับ 1971, 2541 หน้า 100. ศาสนายิว DOU 289
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More