ข้อความต้นฉบับในหน้า
การตั้งหลักอย่างมั่นคงของคริสต์ศาสนาได้เริ่มขึ้นตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 เมื่อ
พระจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (ค.ศ. 306-337) ได้ทรงครองราชย์สมบัติแล้ว
พระองค์ได้ทรงประกาศให้เสรีภาพในการนับถือคริสต์ศาสนาในปี ค.ศ. 313 โดยพระราช
กฤษฎีกาแห่งเมืองมิลาน ครั้นเวลาต่อมา พระจักรพรรดิเทโอโดซีอุส ทรงประกาศให้คริสต์
ศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของอาณาจักรโรมันในปี ค.ศ. 391 ดังนั้นคริสต์ศาสนาจึงตั้ง
หลักมั่นคงแผ่อิทธิพลไปทั่วยุโรป ทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกา และคริสต์ศาสนาได้แผ่เข้า
มายังประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยพวกสอนศาสนาชาวโปรตุเกส สเปน และฝรั่งเศส
ซึ่งได้เข้ามาพร้อมกับพวกพ่อค้า แต่คริสต์ศาสนาในประเทศไทยไม่ได้แพร่หลายมากเหมือนใน
ประเทศอื่นๆ
12.4 กำเนิดและวิวัฒนาการนิกายสำคัญในคริสต์ศาสนา
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 กำเนิดคริสต์ศาสนจักรแรกที่มีคณะกรรมการบริหารประกอบ
ด้วยพระสังฆราช คณะพระอาวุโส และผู้ช่วยพระ มีสาวกเป็นฝ่ายทำหน้าที่แสดงพระธรรม
เทศนาศูนย์กลางของศาสนาอยู่ที่สำนักวาติกันในกรุงโรม
ครั้นเวลาล่วงมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 2 ได้มีการปรับปรุงคณะกรรมการบริหารศาสนจักรใหม่
พระสังฆราชมีฐานะเป็นหัวหน้าศาสนจักร มีพระอาวุโสและผู้ช่วยพระเป็นผู้ช่วย การแสดง
พระธรรมเทศนาเป็นหน้าที่ของพระสังฆราชและพระอาวุโสเท่านั้น
ความแตกแยกได้ค่อยๆ เริ่มขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 และที่ 5 ทั้งนี้เนื่องจากเหตุผล
ทางการเมือง สังคม และวัฒนธรรม ในยุคนั้นพระจักรพรรดิคอนสแตนดินมหาราชได้ทรงย้าย
ราชธานีไปอยู่ในภาคตะวันออกของอาณาจักร ทรงตั้งชื่อราชธานีนี้ว่า คอนสแตนติโนเปิล
หรือ กรุงโรมตะวันออก อาณาจักรโรมันจึงแบ่งการปกครองออกเป็น 2 เขตคือ โรมันตะวันตก
และโรมันตะวันออก โรมันตะวันตกมีศูนย์กลางที่กรุงโรม โรมันตะวันออกมีศูนย์กลางที่
กรุงคอนสแตนติโนเปิล ทั้ง 2 เขตต่างถือว่ามีความสำคัญมาก จึงมีความเป็นตัวของตัวเอง
ในทางความคิด ประเพณี และวัฒนธรรม โรมันตะวันตกใช้ภาษาละติน ส่วนโรมันตะวันออกใช้
ภาษากรีก การแข่งขันกันทางด้านการเมืองและวัฒนธรรมย่อมมีผลกระทบต่อวงการศาสนาด้วย
ครั้นเมื่ออาณาจักรโรมันตะวันตกได้เริ่มสลายตัวลงไปในคริสต์ศตวรรษที่ 4-5 นั้น
อาณาจักรโรมันตะวันออกซึ่งเรียกว่า ไบแซนไทน์ หรือ ไบแซนทีน ก็ได้เข้มแข็งและเป็นอิสระ
ในทุกด้าน และเริ่มแยกอำนาจการปกครองของสมเด็จพระสันตะปาปา ซึ่งก่อนนั้นสมเด็จ
ศ า ส น า ค ริ ส ต์
DOU 333