ข้อความต้นฉบับในหน้า
คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เชื่อว่าธรรมชาติทั้ง 4 เป็นเทพเจ้า มีตัวตน มีชีวิตจิตใจ ประทับอยู่บนสวรรค์
จึงมีพิธีบวงสรวงเทพเจ้าด้วยไฟ เพราะเชื่อว่าควันไฟที่ลอยขึ้นสู่เบื้องบนนั้น เป็นสื่อนำความ
ประสงค์ของผู้สังเวยไปแจ้งให้เทพเจ้าทราบ และการที่ไฟไหม้เครื่องสังเวยหมดไป คือการเสวย
เครื่องสังเวยของเทพเจ้า
ส่วนศาสนาเดิมที่พวกอารยันนับถือก่อนอพยพเข้าสู่อินเดียนั้น ได้แก่ การนับถือ
ธรรมชาติและวิญญาณบรรพบุรุษ ธรรมชาติที่พวกอารยันนับถือว่าเป็นเทพเจ้าคือ
1. พระอินทร์ เป็นเทพผู้บันดาลสรรพสิ่งทั้งหลายให้เกิดขึ้นในโลก
2. พระสาวิตรี เป็นเทพแห่งแสงสว่างและความร้อน
3. พระวรุณ
4. พระยม
เป็นเทพแห่งความเย็น ความชุ่มชื้น
เป็นเทพแห่งความตาย
ซึ่งพวกอารยันยังถือว่าเทพทั้ง 4 นี้เป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ รักษาทิศทั้ง 4 ของโลกอีกด้วย จึง
เรียกว่า โลกบาล พิธีบูชาเทพเจ้าจะกระทำควบคู่กับพิธีบูชาดวงวิญญาณบรรพบุรุษด้วยการนำ
อาหารไปวางที่พื้นดิน เรียกว่า พลี หลังจากที่ได้เข้ามาทำการปกครองพวกมิลักขะแล้ว ได้ปรับ
เทพเจ้าที่ตนนับถือเข้ากับเทพเจ้าของถิ่นเดิม โดยสร้างเทพเจ้าอัคนีขึ้นใหม่ เพราะเห็นว่า
พวกชาวพื้นเมืองนิยมบูชาไฟ แต่ให้อยู่ในฐานะเป็นเทพบริวารของพระสาวิตรี เพื่อให้พวก
พื้นเมืองเดิมสำนึกตนอยู่เสมอว่าอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของพวกอารยัน
3.1.2 สมัยพระเวท
ในระยะเวลานี้พวกอารยันได้สร้างเทพเจ้าขึ้นใหม่หลายองค์ ซึ่งสามารถจัดแบ่งได้เป็น 3
กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 เทพเจ้าแห่งสวรรค์ ได้แก่ วรุณ สูรยะหรือพระอาทิตย์ สาวิตรี วิษณุ อุษามิตระ
อทิติ อรรยมัน และอัศวิน
กลุ่มที่ 2 เทพเจ้าในอากาศ ได้แก่ วาตะ อินทระ รุทระ ประชันยะ มารุต
กลุ่มที่ 3 เทพเจ้าบนพื้นโลก ได้แก่ อัคนี โสม และยม
และมีการฆ่าสัตว์บูชายัญรวมทั้งการถวายน้ำโสมประกอบกับการขับกล่อม พิธีกรรม
ในสมัยนี้จึงมีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้เกิดคนกลุ่มหนึ่งขึ้นมาคือพวกพราหมณ์ มีหน้าที่ทำ
พิธีกรรม พราหมณ์จึงมีอำนาจมากขึ้น และทำหน้าที่แตกต่างกันไปดังนี้
50 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า