ข้อความต้นฉบับในหน้า
8.
เมกกะยกทัพมาตี
เป็นอันว่า การประดิษฐานศาสนาลงในตำบลยาตะเริ่มซึ่งกลายเป็นเมืองใหญ่
ชื่อเมืองเมดินานั้นเป็นไปได้โดยมีรากฐานมั่นคง แต่พระมุฮัมมัดก็มิได้ประมาท เพราะที่เมือง
เมกกะยังมีศัตรูอยู่ทั้งเมือง พระองค์นอกจากจะเป็นประมุขของศาสนาแล้วยังมีฐานะอย่าง
กษัตริย์ปกครองบ้านเมืองด้วย จำเป็นต้องป้องกันเมืองเอาไว้ จึงได้สั่งเตรียมการป้องกันเท่าที่
จะเตรียมได้ และในไม่ช้าเหตุการณ์อันร้ายแรงก็เกิดขึ้นจริงๆ ทางเมกกะได้ยกทัพมาโจมตี
พระมุฮัมมัดเป็นแม่ทัพออกสู้รบ แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่ครั้งสุดท้ายแพ้อย่างราบคาบ
พระมุฮัมมัดล้มลงนอนราบอยู่กับพื้นข้าศึกนึกว่าพระองค์ตายกันหมดแล้วจึงถอยทัพกลับ
9. จุดเปลี่ยนแปลงคำสอน
เมื่อถึงตอนนี้ ความแปรผันได้เกิดขึ้น เดิมศาสนาอิสลามสอนเรื่องความสงบศานติ
ความเมตตากรุณา จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ เพื่อความอยู่รอดและ
แผ่ขยายของศาสนา ฉะนั้นเมื่อมาถึงตอนนี้ จึงเกิดมีคำสอนใหม่ขึ้นมาคือ “ดาบคือกุญแจสวรรค์
แค้นเลือดหยดหนึ่งที่หลั่งออกเพื่อพระเจ้า เป็นการบริจาคที่มีคุณค่าที่ยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ การแรมศึก
1 คืน เพื่อพระเจ้ามีอานิสงค์แรงกว่าการจำศีลอดอาหาร 2 เดือน ผู้ใดตายในสนามรบเพื่อ
พระเจ้าจะได้รับการอภัยโทษในบาปกรรมต่าง ๆ จนหมดสิ้น”
10. ยึดเมกกะได้เบ็ดเสร็จ
แล้วพระมุฮัมมัดก็เริ่มลงมือทำงานด้วยการใช้กำลังปราบพวกยิวในเมืองเมดินา
ก่อนทำเมืองเมดินาให้เป็นของชาวอาหรับโดยสมบูรณ์ ครั้นแล้วก็ยกทัพเข้าล้อมเมกกะชาวเมกกะ
ยอมอ่อนน้อมโดยไม่มีการต่อสู้ พระมุฮัมมัดเข้าเมืองเมกกะได้อีกครั้ง ทรงอูฐขาวเป็นพาหนะ
นำคนไปที่สถานกาบา ทุบทำลายเทวรูป 360 องค์จนหมดสิ้น เสร็จแล้วจัดให้มีการประชุม
สวดมนต์ตามแบบลัทธิศาสนาใหม่ และให้แขกนิโกรคนหนึ่งซึ่งเป็นทาส เป็นหัวหน้านำสวดมนต์
เพื่อแสดงว่าศาสนาอิสลามให้ความเสมอภาคโดยไม่ถือผิวพรรณวรรณะ
11. เมกกะกลายเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์
พระมุฮัมมัดได้ยึดเมืองเมกกะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเมื่อปี พ.ศ. 1173 ขณะที่
พระองค์มีอายุ 60 ปีพอดี เนื่องจากพิธีกรรมที่พระองค์นำปฏิบัติครั้งหลังสุดนี้ เมืองเมกกะจึง
384 DOU ศาสนศึกษา