ข้อความต้นฉบับในหน้า
สู่ท่านนบีบ้าง เพื่อให้ใช้เป็นธรรมนูญในการดำเนินชีวิตของมุสลิมทั่วโลก มุสลิมทุกคนถือว่า
คัมภีร์อัลกุรอานเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องแสดงความเคารพอย่างเคร่งครัด เพราะทุกตัวอักษร
ทุกคำเกิดจากการเปิดเผย (วะฮีย์) ของพระเจ้า เป็นเทวบัญชาของพระเจ้า และเป็นสัจพจน์ที่
บริสุทธิ์ของพระเจ้าที่ไม่มีใครจะสงสัยดัดแปลงแก้ไขได้
คัมภีร์อัลกุรอานนี้ได้มีการรวบรวมบันทึกไว้ด้วยภาษาอาหรับ เป็นรูปเล่มอย่าง
สมบูรณ์ครั้งแรกหลังจากที่ท่านนบีมุฮัมมัดีดับขันธ์แล้ว 6 เดือน มีขนาดหนังสือน้อยกว่าคัมภีร์
ไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์ บันทึกไว้ในทำนองร้อยแก้ว และมีบางตอนในบทท้ายเล่มที่ถ้อยคำ
สอดคล้องกัน มีจังหวะรับกันเหมือนโคลงกลอนในกวีนิพนธ์ มีเนื้อหาหลายตอนที่คล้ายคลึง
กับคัมภีร์ของศาสนายิวและศาสนาคริสต์ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ว่าความจริงแล้วคัมภีร์อัลกุรอาน
ได้รวบรวมเอาข้อความของพระคัมภีร์ต่าง ๆ ที่พระเจ้าได้เคยประทานแก่ศาสดาองค์อื่น ๆ ก่อน
หน้านั้นมา คัมภีร์อัลกุรอานถือเป็นคัมภีร์สุดท้ายที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะได้เพิ่มเติมสิ่งที่ขาดใน
คัมภีร์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางทฤษฎีหรือการปฏิบัติไว้อย่างครบถ้วน สำหรับบุคคลและสังคม
เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต การอยู่ร่วมกัน การแต่งงาน การตาย อาชีพการทำมาหากิน เศรษฐกิจ
สังคม การปกครอง และการเมือง
ลักษณะการบรรจุเนื้อหาในคัมภีร์อัลกุรอานแบ่งออกเป็น “ซูเราะห์” หรือ บทมี 114
บท (หรือจะเรียกว่า “บรรพ” ก็ได้) แต่ละบทประกอบด้วย “อายะห์” หรือโองการ มีทั้งหมด
6,666 โองการ (หรือจะเรียกว่า “วรรค” ก็ได้) จำนวนโองการของแต่ละบทจะมาเท่ากัน ถ้า
คิดเป็นคำทั้งหมดในคัมภีร์มีจำนวนนับได้ 77,639 คำ แต่ละบท (ซูเราะห์) จะมีชื่อหัวข้
กำกับและบอกว่า ทรงส่งข้อความมา ณ ที่ไหน คือ ที่เมืองเมกกะหรือที่เมืองเมดินะ ทั้ง 2 เมือง
นี้มีเนื้อหาสาระแตกต่างกัน คือ
กล่าวถึง
1. ซูเราะห์ที่เมืองเมกกะเรียกว่า มักกียรห์ มีจำนวน 93 ซูเราะห์ เป็นโองการสั้นๆ
1.1 เรื่องราวของชนชาติต่าง ๆ และความพินาศล่มจมแห่งสังคมชนชาตินั้นๆ
1.2 ลักษณะอันเป็นเอกภาพของพระอัลลอฮ์ และศรัทธาที่ควรมีแก่พระองค์
1.3 ข้อพิสูจน์ความเป็นพระเจ้าของพระอัลลอฮ์ และคำสอนให้ประพฤติดี
เว้นชั่ว
2. ซูเราะห์ที่เมืองเมดินะ เรียกว่า “มะดะนียะห์” มีจำนวน 21 ซูเราะห์ เป็น
โองการที่ค่อนข้างยาว กล่าวถึง
388 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า