การเข้ามาของพระเยซูและการไถ่บาป DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 382
หน้าที่ 382 / 481

สรุปเนื้อหา

บทความนี้เสนอข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อในศาสนาคริสต์เกี่ยวกับพระเยซู ผู้เป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์มั่นคงในความเชื่อ และมีพระบิดา พระบุตร และพระจิตเป็นตรีเอกานุภาพ การส่งพระบุตรมาเพื่อสอนมนุษย์ และความเชื่อในวันพิพากษาโลกซึ่งมีปรากฏการณ์แปลกประหลาด เช่น ดวงอาทิตย์มืด ดวงจันทร์ไม่ส่องแสง รวมถึงการตัดสินของพระเยซูสำหรับชีวิตหลังความตาย.

หัวข้อประเด็น

-ความเชื่อในพระเยซู
-ตรีเอกานุภาพ
-การไถ่บาป
-วันพิพากษาโลก
-วิญญาณอมตะ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

มาช่วยไถ่บาปมนุษย์ พระเยซูมั่นคงในเรื่องพระเจ้ามาก และเชื่อว่าตนเป็นบุตรของพระเจ้า ดัง ที่พระเยซูกล่าวว่า “เชื่อเถิดเราอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงอยู่ในเรา” “เรารู้จักพระเจ้า เพราะเรามาจากพระองค์ และพระองค์ทรงใช้เรามา” และโดยที่เชื่อมั่นอย่างนี้ พระเยซูจึง ดำเนินชีวิตแนบแน่นอยู่กับพระเจ้าตลอดมา อย่างเช่นเมื่อพระเยซูออกเทศนาสั่งสอนธรรม มีคนสงสัยว่าธรรมที่พระเยซูสั่งสอนเอามาจากไหน เพราะไม่เห็นพระเยซูไปเรียนกับใคร พระเยซูก็ตอบว่า “คำสอนของเราไม่ใช่ของเราเอง แต่เป็นของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา” หรือ พระเยซูบอกพวกสาวกว่า ตัวท่านมาจากพระเจ้า จะอยู่กับสาวกไปสักระยะหนึ่งแล้วก็จะกลับ ไปหาพระเจ้าอีกดังที่พระเยซูกล่าวว่า “เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไปอีกสักหน่อย แล้วจะ กลับไปหาพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา”ในศาสนาคริสต์เชื่อว่ามีพระเจ้าซึ่งเป็นพระบิดา พระบุตร และ พระจิต แต่ทั้ง 3 เมื่อว่าโดยสภาวะก็เป็นอย่างเดียวกันดุจรูป 3 เหลี่ยม มี 3 มุม แต่ก็เป็นรูป เดียวกัน เพราะฉะนั้นพระบิดา พระบุตร พระจิตจึงเรียกรวมกันว่า ตรีเอกานุภาพ ส่วนเหตุที่ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรมา ก็เพราะมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่จะให้พระบุตรมาช่วยแนะนำ เรื่องที่ถูกต้อง ตายไปแล้วจะได้ไปสวรรค์ เพราะฉะนั้นพระเยซูจึงชื่อว่าพระผู้ช่วยให้รอดคือให้ คนรอดจากการพิพากษาในวันตัดสินโลก ไม่ตกนรก กล่าวคือในศาสนาคริสต์เชื่อว่า เมื่อคน ตายแล้ว ไม่สูญเพราะวิญญาณเป็นอมตะ วิญญาณจะคอยวันพิพากษาโลก เมื่อถึงวันพิพากษา โลก จะมีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น คือ ดวงอาทิตย์จะมืดมิด ดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งหมดจะตกจากท้องฟ้า จะมีแต่เสียงสะเทือนสะท้านน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก มนุษย์ต่าง ร้องไห้เซ็งแซ่เพราะความกลัว จากนั้นพระเยซูซึ่งเป็นพระบุตรของพระเจ้าแล้ว จะเสด็จมา พร้อมทั้งเทพบริวารบนก้อนเมฆ ด้วยฤทธานุภาพและรัศมีอันเรืองรอง ทรงให้เทพบริวารเป่า แตรเสียงดังยิ่งนัก เรียกวิญญาณทั้งหมดให้มารวมกัน แล้วพระองค์ก็ทรงตัดสินผู้ที่ทำบาปไว้ มากก็จะตกนรกชั่วนิรันดร ส่วนคนที่มีบุญมากก็จะขึ้นไปบนสวรรค์อยู่กับพระเจ้าชั่วนิรันดรมี แต่ความสุขตลอดไป นี่เป็นจุดหมายสูงสุดของศาสนาคริสต์ ส่วนเมื่อไรจะเป็นวันโลกสลายนั้น ไม่มีใครทราบแม้พระเยซูก็ไม่ทราบ พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นที่จะทรงทราบ ศาสนาคริสต์เชื่อ ว่าชีวิตในโลกนี้มีเพียงครั้งเดียวเมื่อตายไปแล้วจะอยู่ในสวรรค์หรือนรกชั่วนิรันดร เพราะฉะนั้น นรกสวรรค์จึงเป็นโลกนิรันดร ส่วนโลกนี้เป็นโลกชั่วคราว เป็นเพียงสถานที่อาศัยสำหรับสร้าง 1 องค์การก็เคียนอินเตอร์เนชั่นแนล, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ : จอห์น 14, 2527 หน้า 11. 2 เล่มเดียวกัน : จอห์น 7. หน้า 16 3 เล่มเดียวกัน, : จอห์น 7. หน้า 33. 4 เล่มเดียวกัน : มัทธิว 24. หน้า 29-31. ศ า ส น า ค ริ ส ต์ DOU 367
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More