ข้อความต้นฉบับในหน้า
บนฝั่งแม่น้ำราวี ประเทศปากีสถานเมื่อ วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2012 ตระกูลเป็นฮินดู วรรณะ
พราหมณ์ บิดาชื่อกุล หรือเมห์ตากัลยาดาส มารดาชื่อตริปตะ มีฐานะยากจน มารดาเป็นผู้
เคร่งครัดในศาสนามากส่วนบิดาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยเงินเดือนต่ำคอยรับใช้ผู้ว่าราชการเมือง
เมื่อนานักเจริญวัยอายุได้ 7 ขวบ ก็ได้รับการศึกษาในสำนักของครูที่เป็นมุสลิม ตาม
ประวัติกล่าวว่านานักเป็นคนมีสติปัญญา และช่างคิดอ่านตั้งแต่อยู่ในวัยเยาว์ สามารถแสดง
ปัญญาความสามารถไต่ถามความรู้เรื่องพระเจ้าต่อครูอาจารย์ได้ศึกษาศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู
มีความรู้แตกฉานในคัมภีร์พระเวท ต่อมาอีก 2 ปี ได้ศึกษาภาษาเปอร์เซีย (อิหร่าน) เพื่อ
เรียนรู้ลัทธิคำสอนของโซโรอัสเตอร์ ผู้เป็นศาสดาของศาสนาโซโรอัสเตอร์ ยังผลให้นานัก
สามารถแสดงวาทะโต้ตอบหลักศาสนากับคณาจารย์ผู้ใหญ่ได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กอย่างเป็นที่
น่าอัศจรรย์ จนชาวซิกข์ได้มีความเชื่อกันในตอนหลังว่า ท่านคุรุนานักศาสดาของตนสามารถ
สั่งสอนคนได้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
นานักเป็นคนมีนิสัยกว้างขวางอารีอารอบ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนร่ำรวย ชอบ
แบ่งปันข้าวของเงินทองแก่ผู้อื่น จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในสังคมยุคนั้น ใฝ่การศึกษา
เรื่องศาสนาเป็นชีวิตจิตใจไม่ชอบเป็นนักรบหรือค้าขาย หรือแม้แต่ตำแหน่งราชการชั้นสูง
ที่ทางบ้านเมืองเสนอให้ก็ปฏิเสธ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะมีความมุ่งมั่นที่จะใช้หลักศาสนาเข้าแก้ไข
สังคมที่แตกแยกขาดความสามัคคี พยายามที่จะค้นหาคำสอน เปรียบเทียบคำสอน และแก้ไข
คำสอนให้ใช้ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น โดยได้รับแรงสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องนี้
จากพวกญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ เป็นอย่างดี
6.2.2 ชีวิตสมรส
เมื่ออายุ 14 ปี ได้สมรสกับหญิงผู้เป็นกุลสตรีชาวตัลวันที่ชื่อ สุนัขนี เมื่อแต่งงาน
แล้วประมาณ 10 ปี มีบุตร 2 คน คือ ศรีจันท และ ลักษมีทาส ปรากฏว่าชีวิตสมรสช่วงหลังๆ
หาความสุขได้ยาก เพราะนานักและภรรยามีนิสัยและรสนิยมคนละแบบ นานักชอบความสงบ
แต่ภรรยาชอบสนุกแบบโลกิยะวิสัย ส่วนนานักมีอัธยาศัยโน้มน้อมไปในทางศาสนา พอใจแต่ง
บทเพลงสรรเสริญพระเจ้า มีใจเมตตากรุณาโอบอ้อมอารีต่อคนยากจน โดยแบ่งปันสิ่งของที่มี
อยู่ให้เป็นทานเสมอๆ เมื่อหาความสงบที่บ้านไม่ได้ ในที่สุดจึงตัดสินใจหนีภรรยาและลูกออก
ไปหาความสงบทางใจในป่า เมื่ออายุ 36 ปี
176 DOU ศาสนศึกษา