ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระราชาเสด็จลงทำพิธีไถนาเป็นปฐมฤกษ์พร้อมด้วยอำมาตย์ราชบริพารชั้นผู้ใหญ่รวม 108
ไถนั้น พวกพระพี่เลี้ยงก็ออกมาชมด้วย ทิ้งพระกุมารไว้ในม่านแต่พระองค์เดียว เมื่อพระกุมาร
อยู่ตามลำพังพระองค์เดียวก็ทรงลุกขึ้นเจริญภาวนาอานาปานสติกัมมัฏฐาน ยังปฐมฌานให้
เกิดขึ้นได้ เวลานั้นเป็นเวลาบ่าย เงาแห่งต้นไม้ทั้งหลายได้ชายไปตามตะวันทั้งสิ้น แต่เงาไม้
หน้าที่ประทับปรากฏตรงอยู่เสมือนเวลาเที่ยง ครั้นพระพี่เลี้ยงทั้งหลายกลับเข้าไปในม่านเห็น
พระกุมารอยู่ในลักษณะเช่นนั้นก็พิศวงจึงออกไปกราบทูลให้พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบ เมื่อ
พระราชาเสด็จเข้าไปเห็นก็ทรงรู้สึกอัศจรรย์พระทัยจึงขอพระหัตถ์ถวายอภิวาทพระกุมารเป็น
คำรบสอง
เมื่อพระกุมารมีพระชนม์ได้ 7 พรรษา พระราชบิดาได้ทรงรับสั่งให้สร้างสระน้ำ
สำหรับพระกุมารและบริวารลงเล่น มี 3 สระด้วยกัน ปลูกอุบลบัวขาวสระหนึ่ง ประทุมบัวหลวง
สระหนึ่ง และปลูกปุณฑริกบัวขาวสระหนึ่ง
ครั้นพระราชกุมารมีพระชนม์เจริญวัย 8 พรรษา ควรศึกษาศิลปวิทยาได้แล้ว พระ
ราชบิดาก็ทรงนำไปมอบไว้ในสำนักครู “วิศวามิตร” ซึ่งเป็นครูประจำราชสำนัก สั่งสอนพระกุมาร
ทุกสกุล เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงศึกษาศิลปศาสตร์ 18 ประการได้อย่างว่องไวจนสิ้นความรู้
อาจารย์ ได้แสดงความเฉลียวฉลาดในหมู่พระญาติ ไม่มีพระกุมารอื่นจะเทียมเท่า
5.2.2 อภิเษกสมรส
เมื่อพระราชกุมารมีพระชนม์ได้ 16 พรรษา พระราชบิดาได้ทรงรับสั่งให้สร้าง
ปราสาทขึ้น 3 หลัง เพื่อให้เหมาะสมกับการที่จะประทับอยู่ 3 ฤดู และให้สร้างลงในบริเวณเดียวกัน
มีทางเดินติดต่อกันทั้ง 3 หลัง เมื่อสร้างเสร็จแล้วพระบิดายังไม่ให้เจ้าชายขึ้นประทับจนกว่าจะ
ทำการอภิเษกแล้ว จึงได้ไปสู่ขอพระเจ้าหญิงยโสธราพิมพา ราชธิดาพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งกรุง
เทวทหะ มาอภิเษกให้ แล้วก็ให้ประทับอยู่อย่างสำราญในปราสาททั้ง 3 จนเจ้าชายสิทธัตถะ
มีพระชนมายุ 29 พรรษา
วันหนึ่งเจ้าชายสิทธัตถะมีพระทัยปรารถนาจะเสด็จประพาสพระอุทยาน จึงรับสั่ง
ให้นายฉันนะมหาดเล็กจัดรถเทียมด้วยม้า 4 ตัว ขับเที่ยวไปในอุทยาน ขณะที่กำลังเพลิดเพลิน
อยู่นั้นได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูต คือ เทวดาจำแลงองค์เป็นชายชราผมหงอกขาว หลังโกง ถือ
ไม้เท้ายัน กันล้ม เดินกะโผลกกะเผลกไปในระหว่างทาง ก็ทรงแปลกพระทัย จึงถามนายฉันนะ
ว่า ชายผู้นี้ทำไมจึงรูปร่างผิดปกติกับคนทั่ว ๆ ไป เมื่อทรงทราบว่าเป็นธรรมดาที่ทุกคนจะต้อง
ศ า ส น า พุทธ
DOU 131