ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 13
ศาสนาอิสลาม
13.1 ประวัติความเป็นมา
ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนา 1 ใน 3 ของศาสนาโลก เกิดในประเทศซาอุดิอารเบีย เมื่อ พ.ศ.
1133 โดยคิดตามปีเกิดของนบีมุฮัมมัด ผู้เป็นศาสดาของศาสนานี้ คำว่าอิสลามมาจากศัพท์ว่า
อัสลามะ แปลว่า การอ่อนน้อมถ่อมตนยอมจำนนต่อพระเจ้า ดังนั้นเมื่อว่าโดยใจความก็คือ การ
มอบกายถวายชีวิตต่อพระอัลลอฮ์ย่างสุดจิตสุดใจ ส่วนผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเรียกว่า
อิสลามิกชน หรือมุสลิม คือผู้ยอมมอบกายถวายชีวิตต่อพระอัลลอฮ์อย่างสิ้นเชิง อิสลามเป็น
ศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ถือว่ามีพระเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียวคือพระอัลลอฮ์ พระองค์ทรง
สร้างโลกและสรรพสิ่ง ทรงกำหนดชะตากรรมของมนุษย์และสรรพสัตว์ทรงเป็นสัพพัญญู
รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงเป็นสรรพเดช มีมหิทธิฤทธิ์เหนือกว่าสิ่งใด ทรงเป็นสรรพาภิภู ครอบงำ
ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรอยู่นอกเหนือพระองค์ มุสลิมเชื่อว่าพระอัลลอฮ์ทรงมีรูปร่างตัวตน
ไม่ใช่เป็นนามธรรมแต่เป็นร่างทิพย์ จึงไม่มีใครสามารถเห็นพระองค์ได้ พระองค์ทรงโปรดผู้ที่
เคารพพระองค์ แต่ทรงโกรธกริ้วต่อผู้ตั้งภาคี (ซีริก) คือยกผู้อื่นหรือสิ่งอื่นมาเทียบเทียมพระองค์
ดังมีข้อความในคัมภีร์อัลกุรอานว่า
โอ! พระอัลลอฮ์ ย่อมไม่ทรงอภัย ในข้อที่ใครถามถึงผู้อื่นเทียบเทียมพระองค์ พระองค์
ทรงอภัยให้เฉพาะผู้ที่ทรงโปรดเท่านั้น ผู้ใดพรรณนาถึงผู้อื่นเสมอเหมือนพระอัลลอฮ์ ผู้นั้นถือ
ได้ว่าทำบาปอันยิ่งใหญ่
มุสลิมถือว่าศาสนาอิสลามเป็นศาสนาของพระอัลลอฮ์เท่านั้น ดังโองการในคัมภีร์
อัลกุรอานว่า “แท้จริงศาสนาของพระอัลลอฮ์นั้น คือศาสนาของอิสลาม” หรือ “วันนี้เราได้
ทำให้ศาสนาของสูเจ้าครบถ้วน....เราให้อิสลามเป็นศาสนาของสูเจ้า” มุฮัมมัดหรือใครๆ
1 มัรวาน สะมะอุน, อัลกรุอานฉบับแปลภาษาไทย ภาค 1-2, 2521 บทที่ 3 หน้า 82
* อัลกุรอาน 4 : 48.
อัลกุรอาน 3 : 18.
อัลกุรอาน 5 : 3.
หมายเหตุ : (อัลกุราน 5 : 3) หมายถึง คัมภีร์อัลกุรอาน บทที่ 5 หน้า 3.
ศ า ส น า อิสลาม DOU 379