การประนีประนอมระหว่างศาสนาซิกข์และศาสนาฮินดู DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 188
หน้าที่ 188 / 481

สรุปเนื้อหา

คุรุโควินทสิงห์กล่าวถึงสุเหร่ามณเฑียร ว่ามีความเหมือนกันในการบำเพ็ญธรรมและประนีประนอมกับศาสนาฮินดู โดยอธิบายถึงบทบาทของคุรุในการเรียนรู้และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชาวฮินดูและมุสลิมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น สังคัตและปังคัด ตั้งแต่วงการถึงการจัดตั้งเมืองกรตารปุระ โดยเนื้อหายังได้บรรยายถึงชีวิตของคุรุอังคัทเทพและคุรุอมรทาสในการปรับปรุงศาสนาและการเคลื่อนไหวทางสังคม มีเป้าหมายเพื่อสันติภาพและความเป็นเอกภาพในโลกนี้

หัวข้อประเด็น

-การประนีประนอมในศาสนา
-บทบาทของคุรุ
-กิจกรรมทางศาสนา
-การจัดการศาสนา
-ความสัมพันธ์ระหว่างศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

คุรุโควินทสิงห์กล่าวว่า สุเหร่ามณเฑียร วิหารเป็นสถานที่บำเพ็ญธรรมของคนทั้งหลายเหมือนกัน ที่เห็นแตกต่างกันก็เพราะความแตกต่างแห่งกาละและเทศะเท่านั้น ในศาสนาซิกข์ได้มีบทสวด (ชัปติ) แสดงถึงการประนีประนอมนำพระเจ้าในศาสนาฮินดูมาเป็นศาสนาของตน เช่น เมื่ออยู่ในคำแนะนำของคุรุก็ได้ยินเสียงของพระเจ้า เมื่ออยู่ในคำแนะนำของคุรุก็ได้ปัญญา เมื่ออยู่ในคำแนะนำของคุรุ มนุษย์ก็เรียนรู้ว่าพระเจ้ามีอยู่ในที่ทุกแห่ง คุรุเป็นศิวะ คุรุเป็นวิษณุ และพระพรหม คุรุเป็นพระนางปาราวตี ลักษมีและสุรัสวดี ข้อนี้ก็เป็นการจูงใจให้ชาวฮินดูเห็น ว่าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามองค์ของศาสนาฮินดูพร้อมมเหสีก็มีอยู่ในศาสนาซิกข์แล้ว สรุปแล้วศาสนาซิกข์มีลักษณะประนีประนอมระหว่างศาสนาต่าง ๆ ในอินเดีย โดยเฉพาะ ศาสนาฮินดู และศาสนาอิสลาม เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพหรือความเป็นอันเดียวกันทั้งใน เรื่องพระเจ้า ศาสนาและมนุษยชาติอันจะนำมาซึ่งสันติภาพที่แท้จริงมาสู่โลกนี้ ส่วนความเป็น ไปของศาสนาซิกข์' โดยย่อมีดังต่อไปนี้ คุรุนานัก (พ.ศ. 2012-2082) ศาสดาองค์ที่ 1 ได้ออกเผยแผ่ศาสนาซิกข์ทั่วทุกภาคของ อินเดีย ทั้งได้ออกไปเผยแผ่ศาสนาถึงต่างประเทศมี ศรีลังกา อาฟกานิสถาน ซาอุดิอารเบีย เป็นต้นอีกด้วย เพื่อสร้างความสามัคคีระหว่างชาวฮินดูและมุสลิม พยายามสอนคนให้ผู้ครอง เรือนที่ดีและตั้งมั่นในศาสนาของตน อีกทั้งได้วางแบบให้ชาวซิกข์ปฏิบัติ ได้แก่สังคัต ให้ชาว ซิกข์มาประชุมพบปะกันในเวลาเย็นและปังคัดคือให้ชาวซิกข์มารับประทานอาหารร่วมกันโดย ไม่คำนึงถึงความแตกต่างกัน ต่างฝ่ายต่างช่วยตัวเองและช่วยเหลือกัน เช่นช่วยกันปัดกวาด ทำความสะอาดสถานที่และล้างถ้วยชาม เป็นต้น ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์กว่ากัน นอกจากนี้ยังได้ตั้ง เมืองกรตารปุระในแคว้นปัญจาบอีกด้วย คุรุอังคัทเทพ (พ.ศ. 2047-2095) ศาสดาองค์ที่ 2 ได้ปรับปรุงและส่งเสริมอักขรวิธีคุรุ มุขี สำหรับใช้ในศาสนา ทั้งได้จัดตั้งโรงครัวทาน แจกจ่ายอาหารแก่คนยากจนตลอดทั้งส่งเสริม หลักการสังคัตและปังคัต ของคุรุนานักให้มั่นคงอีกด้วย คุรุอมรทาส (พ.ศ. 2022-2117) ศาสดาองค์ที่ 3 ได้จัดให้มีวัดซิกข์ (คุรุทวาร) ตามหมู่ บ้านซิกข์ ทั้งได้ปฏิรูปสังคม โดยคัดค้านการคลุมหน้าของสตรีและการกระโดดเข้ากองไฟเมื่อ สามีตายที่เรียกว่าพิธีสติ และสอนว่าสตรีก็มีสิทธิที่จะหลุดพ้นจากกิเลสได้ คุรุรามทาส (พ.ศ. 2077-2124) ศาสดาองค์ที่ 4 ได้จัดให้สร้างเมืองศูนย์กลางของศาสนา ซิกข์ ขึ้นที่เมืองรามทาสปุระ โดยให้ขุดสระน้ำขนาดใหญ่ขึ้นมาให้ชื่อว่า อมฤตสระ (Immortal ' Noss David's. A History of the World's Religions, 1994 p. 83-85. ศ า ส น า ชิ ก ข์ DOU 173
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More