ข้อความต้นฉบับในหน้า
เหลือแต่ความสว่างไสวเหลือแต่ความอบอุ่น ศาสนิกชนแห่งโซโรอัสเตอร์ จึงนิยมบูชาไฟ โดย
จะจุดเพื่อบูชาไว้ไม่ขาดสาย จะคอยระวังไม่ให้ไฟดับ จะต้องตามไฟเป็นเครื่องบูชาไว้เป็นนิจ
จะจุดไฟให้ลุกโพลงในที่บูชาหรือในโบสถ์อยู่ตลอดเวลา
10.6.3 พิธีนมัสการตอนสายัณห์
พอแดดร่มลมตกแต่ละวัน ชาวศาสนิกแห่งโซโรอัสเตอร์ที่ประเทศอินเดียโดยเฉพาะ
ที่เมืองบอมเบย์ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางของศาสนานี้จะพากันแต่งตัวด้วยผ้าขาวมีสไบ
พาดบ่าลอยชายลงทั้งสองข้างไปชุมนุมพร้อมกันอย่างเป็นระเบียบ ณ ชายหาดแห่งทะเล เพื่อ
ประกอบพิธีนมัสการตอนสายัณต์ โดยการโค้งตัวลงบรรจงจุ่มมือทั้งสองในน้ำทะเล แล้วเอาขึ้น
มาแตะที่หน้าผากอย่างช้าๆ แล้วจับชายสไบทั้งสองมาแตะหน้าผากอีกครั้ง ปลดสไบมาคาดพุง
แล้วหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ซึ่งกำลังจะตกลับขอบฟ้า พร้อมสวดมนต์พร้อมกันเบาๆ ว่า
“คุมะตา, หะขะตา, หะเวสะตา” (ข้าทั้งปวงขอสรรเสริญผู้มีกาย วาจา และใจสุจริต) หลัง
จากนั้นพวกเขาก็จะก้มศีรษะลงนมัสการไปทางทิศทั้ง 4 ทิศและ 3 ครั้ง แล้วเอามือทั้งสองจุ่ม
น้ำทะเลมาแตะหน้าผากอีกครั้ง
10.6.4 พิธีศพ
เมื่อมีคนตายลง ชาวโซโรอัสเตอร์ จะไม่เผาศพจะไม่ฝังศพ จะไม่ทิ้งซากศพลงใน
น้ำเพราะโดยหลักการแล้ว ศาสนานี้ถือว่าไฟเป็นสัญลักษณ์แห่งพระเจ้า จึงมีความศักดิ์สิทธิ์มาก
และในขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า ดิน น้ำ ก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ถ้าเผาศพก็เกรงว่าจะ
ทำให้ไฟหมดความศักดิ์สิทธิ์และแปดเปื้อนด้วยสิ่งสกปรก ถ้าจะฝังดิน ก็เกรงว่าดินจะหมด
ความศักดิ์สิทธิ์ หรือทิ้งซากศพลงในน้ำ ก็เกรงว่า น้ำจะสกปรกและหมดความศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงนำเอาศพไปวางไว้บนหอคอยที่สูงซึ่งสร้างไว้เป็นพิเศษเพื่อการนี้เรียกชื่อว่า
หอคอยแห่งความสงบ (The Tower of Silence) ทิ้งไว้อย่างนั้นให้เป็นอาหารของแมลงของมด
ของสัตว์อื่น ๆ เช่น นก อีกา อีแร้ง หรือแม้แต่สุนัข เป็นต้น
10.7 นิกายในศาสนา
นิกายที่สำคัญของศาสนาโซโรอัสเตอร์ มี 2 นิกาย คือ
1.
นิกายชหันชนิส นิกายนี้คงถือคัมภีร์ที่ว่าด้วยการที่พระเจ้าแจ้งเรื่องราวต่างๆ ลงมา
ทางศาสดาโซโรอัสเตอร์เป็นสำคัญ ซึ่งคัมภีร์ดังกล่าวเป็นคัมภีร์ที่เกิดขึ้นใหม่ในสมัยต้นศตวรรษ
278 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า