ข้อความต้นฉบับในหน้า
ส่วนองค์พระมุฮัมมัด ชาวมุสลิมเชื่อกันว่า พระองค์เป็นทั้งนบีและเราะซูล เพราะ
พระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีตามบทบัญญัติของพระอัลเลาะห์และทรงเป็นผู้เผยแผ่บทบัญญัตินั้น
แก่มวลมนุษยชาติอีกด้วย
4) ศรัทธาในพระคัมภีร์
คัมภีร์ที่ว่านี้หมายถึงคัมภีร์จำนวน 104 เล่มที่อัลเลาะฮ์ได้ประทานแก่เหล่าศาสน
ทูตของพระองค์ เพื่อนำมาประกาศเผยแผ่แก่ปวงประชาชาติให้เหินห่างจากความมืดมนไปสู่
ทางอันสว่างไสวและเที่ยงตรง ซึ่งคัมภีร์ที่สำคัญมีอยู่ 4 คัมภีร์ คือ
คัมภีร์โตราห์ หรือเตารอต (Torah) ประทานแก่นบีมูซาหรือโมเสส (Moses) เป็น
ภาษาฮีบรู
คัมภีร์ซะบูร์ (Zaboor) ประทานแก่นบีดาวูดหรือดาวิด (David) เป็น
ภาษาอียิปต์โบราณ
คัมภีร์อินญีล (Injeel or Gospel) ประทานแก่นบีอีซาหรือเยซู (Je-
sus) เป็นภาษาซีเรียโบราณ
คัมภีร์อัล-กุรอาน (Al-Quran) ประทานแก่นบีมุฮัมมัด
(Muhammad) เป็นภาษาอาหรับ อัลกุรอาน เป็นคัมภีร์ฉบับ
สุดท้ายที่สมบูรณ์ที่สุดและมุสลิมเชื่อว่าท่านนบีมุฮัมมัดเป็นนบี
คนสุดท้าย
คัมภีร์ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้สรุปคำสอนได้เป็น 2 ประการ คือ
1.
สอนถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
2. สอนถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน
5) ศรัทธาในวันพิพากษา
ศาสนาอิสลามเรียกโลกในปัจจุบันว่า “โลกดุนยา” และอธิบายว่า ดุนยาเป็นโลก
แห่งการทดลอง ไม่จีรังยั่งยืน รอวันแห่งความพินาศแตกสลายเรียกว่า “วันกียามะฮฺ” ซึ่งเป็น
วันพิพากษาหรือวันกำเนิดปรโลก โลกใหม่ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวเป็นโลกอมตะ เรียกว่า “โลก
อาคีรัต” มนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกนี้จะมีชีวิตเป็นนิรันดร ในวันกียามะฮ์ นี้
ศาสนาอิสลาม DOU 395