ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 6
ศาสนาซิกข์
6.1 ประวัติความเป็นมา
ศาสนาซิกข์ หรือสิกข์ เกิดในประเทศอินเดีย เป็นศาสนาใหม่ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2012 โดย
คิดตามปีที่เกิดของคุรุนานักผู้เป็นปฐมศาสดาของศาสนานี้ คำว่าซิกข์ เป็นภาษาปัญจาปี ตรง
กับภาษาบาลีว่า สิกขะ และตรงกับภาษาสันสกฤตว่า ศิษยะ แปลว่าศิษย์หรือผู้ศึกษาเล่าเรียน
เพราะฉะนั้นชาวซิกข์ก็คือผู้เป็นศิษย์ของคุรุหรือศาสดาของศาสนาซิกข์ทุกองค์ ศาสนาซิกข์เกิด
ในช่วงที่ศาสนิกของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูกับศาสนิกของศาสนาอิสลามเผชิญหน้ากัน มี
ปัญหากระทบกระทั่งจนเกิดการประหัตประหารกันอยู่เสมอ ทำให้นานักผู้มีจิตใจสูงทนไม่ไหว
ได้ครุ่นคิดหาทางที่จะนำความสงบสุขคืนมาให้จงได้ จนเป็นเหตุให้เกิดศาสนาซิกข์ขึ้นมา
เพราะฉะนั้นศาสนาซิกข์จึงเป็นศาสนาที่ประนีประนอมศาสนาต่าง ๆ ในอินเดียโดยเฉพาะ
ระหว่างศาสนาฮินดูกับศาสนาอิสลาม ดังนั้นศาสนาซิกข์นอกจากจะมีคำสอนตั้งขึ้นใหม่แล้วก็
ยังได้นำคำสอนดีเด่นจากศาสนาต่าง ๆ โดยเฉพาะจากศาสนาฮินดูและศาสนาอิสลามมาเป็น
คำสอนของตนด้วย ส่วนอะไรที่ไม่ดีก็ตัดทิ้งไปเช่นเรื่องการถือชั้นวรรณะ ความใจแคบและ
ความมีกิเลสของพระเจ้าเป็นต้น โดยให้ถือใหม่ว่าทุกคนเป็นพี่น้องกันไม่แตกต่างกันเพราะมา
จากพระเจ้าองค์เดียวกัน ดังคำสอนที่ว่า พระเจ้ามีหลายพระนามเช่น พระพรหม พระศิวะ
พระวิษณุ อกาละ ปุรุขะ เอกะ และนิรเภา เป็นต้น พระองค์เป็นพระเจ้าของมนุษยชาติทั้งมวล
มิได้ผูกขาดว่าเป็นพระเจ้าของฮินดู พระเจ้าของมุสลิม หรือของศาสนาไหน ทรงประทับอยู่ทุกแห่ง
แต่ทรงชอบประทับอยู่ในใจของคน พระเจ้าถึงแม้จะประทับอยู่ในทุกสิ่ง แต่ทุกสิ่งก็ไม่ใช่พระองค์
พระเจ้าไม่ใช่เป็นอย่างเดียวกับทุกสิ่ง พระองค์ทรงเป็นอีกอย่างต่างหาก เหมือนกลิ่นหอมมีอยู่
ในดอกไม้แต่ดอกไม้ก็ไม่ใช่กลิ่นหอม หรือการสะท้อนเงามีอยู่ในกระจกแต่กระจกก็ไม่ใช่การ
สะท้อนเงาก็ฉันนั้น ดังนั้นพระเจ้าในทุกศาสนาเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน จึงไม่ควรที่ใครจะ
ผูกขาดว่าเป็นพระเจ้าของตนหรือของศาสนาใดศาสนาหนึ่งแต่พระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกศาสนา
และของมนุษยชาติทั้งปวง ส่วนการที่เรียกชื่อพระเจ้าแตกต่างกันไป และเรียกศาสนสถาน
ที่ประทับของพระเจ้าต่างกัน ก็เป็นเพียงความแตกต่างแห่งกาละและเทศะเท่านั้น ดังที่
172 DOU ศาสนศึกษา