การศึกษาศาสตร์และการพัฒนาของศาสนาในอินเดีย DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 73
หน้าที่ 73 / 481

สรุปเนื้อหา

ศึกษาศาสตร์เป็นวิชาที่เกี่ยวกับการออกเสียงและวิธีอ่านพระเวท โดยมีไวยากรณ์ศาสตร์ทำหน้าที่เกี่ยวกับการแปลและตีความ ขณะที่นิรุกติศาสตร์ศึกษาที่มาของศัพท์ ในขณะเดียวกัน ฉันทศาสตร์มีความสำคัญต่อการประพันธ์บทร้อยกรอง และโชยติสศาสตร์ศึกษาดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ที่สุดท้าย กัลปศาสตร์ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญประกอบด้วยสูตรที่เกี่ยวกับพิธีกรรมในชีวิตประจำวันของประชาชน อินเดียในสมัยอวตารเผชิญกับการจลาจลและการเปลี่ยนแปลงด้านศาสนา โดยผู้ปกครองแต่ละคนสนับสนุนศาสนาที่ตนเชื่อ ซึ่งส่งผลให้เกิดนิกายใหม่ในฮินดูและการแข่งขันทางศาสนาอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะองค์สูงสุดของพระวิษณุและพระศิวะ

หัวข้อประเด็น

-ศึกษาศาสตร์
-วิชาที่เกี่ยวข้องกับพระเวท
-การพัฒนาลัทธิในอินเดีย
-นิกายฮินดู
-ความสำคัญของพิธีกรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ศึกษาศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยการออกเสียง และวิธีอ่านพระเวทให้มีเสียงเสนาะ ไวยากรณ์ศาสตร์เป็นวิชาที่ว่าด้วยการออกเสียง การแปลและตีความ นิรุกติศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยที่มาและความหมายของศัพท์ที่ใช้ในพระเวท ฉันทศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยการประพันธ์บทร้อยกรอง ตลอดจนกฎของกวีนิพนธ์ โชยติสศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ กัลปศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยพิธีกรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี ในวิชาทั้ง 6 ศาสตร์นี้ กัลปศาสตร์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เพราะประกอบด้วยสูตร 3 สูตร คือ เศราตสูตร เป็นสูตรที่เกี่ยวกับพิธีกรรม คฤหสูตร เป็นสูตรที่เกี่ยวกับพิธีประจำบ้าน และธรรมสูตร เป็นข้อปฏิบัติสำหรับประชาชนทุกวรรณะ 3.1.7 สมัยอวตาร ในสมัยนี้เป็นช่วงระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์จลาจลในอินเดียต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานาน เพราะชิงอำนาจกันเองภายในประเทศ อีกทั้งยังถูกศัตรูนอกประเทศรุกรานผลัดเปลี่ยนกัน เข้าปกครองอินเดีย ผู้ปกครองบางคนก็นิยมศาสนาฮินดู บางคนก็ศรัทธาศาสนาเชน และบาง คนก็เลื่อมใสพุทธศาสนา พวกใดเป็นใหญ่ก็จะฟื้นฟูศาสนาที่ตนนับถือขึ้นมา ซึ่งตอนปลายของ ยุคนี้อินเดียตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์กุษาณะ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของพวกตายด้วยจี (ตุรกีสาขาเดิม) ซึ่งมีภูมิลำเนาตอนกลางทวีปเอเชีย กษัตริย์ที่สำคัญของราชวงศ์นี้คือ พระเจ้า กนิษกะทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา พวกฮินดูจึงต้องพัฒนาลัทธิของตนเพื่อแข่งขันกับ พระพุทธศาสนา การแข่งขันนี้เป็นเหตุให้ต่างฝ่ายต่างรับเอาหลักธรรมของฝ่ายตรงข้ามเข้ามา ในลัทธิของตน ประกอบกับพวกฮินดูได้เกิดแตกแยกเป็นนิกายใหม่ มีการสร้างเทพเจ้าใหม่ๆ ขึ้นมา พระรามและพระกฤษณะ ซึ่งแต่เดิมเคยนับถือแค่เป็นวีรบุรุษเท่านั้น ได้ถูกยกขึ้นให้มี ความศักดิ์สิทธิ์เป็นพระวิษณุ ผู้อวตารลงมา ลัทธิฮินดูที่นับถือพระวิษณุก็เฟื่องฟูขึ้นมา คน สำคัญที่เป็นหัวหน้าในนิกายนี้เรียกว่า “นิกายภาควัต” แปลว่า “บูชาพระภควานพระผู้ควรบูชา” ส่วนพวกที่นับถือพระศิวะก็ไม่ยอมแพ้ ได้ยกพระศิวะให้สำคัญยิ่งขึ้น โคซึ่งเป็นพาหนะถูก ยอมรับนับถือว่าเป็นโคศักดิ์สิทธิ์ ศิวลึงค์ได้ถูกยกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ควรแก่การบูชา ในขณะ เดียวกันได้เกิดลัทธิทั้งหกขึ้นในยุคนี้ พวกพราหมณ์ได้รับปรัชญาทั้งหกนี้เข้ามาไว้ในศาสนา ของตนเรียก “ษัททรรศนะ” หรือทัศนะทั้งหก ซึ่งแต่ละลัทธิก็มีความต่อเนื่องกันเป็นคู่ๆ จึงจัด 58 DOU ศ า ส น ศึกษา ๆ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More