อรหันต์และนิพพานในศาสนาพุทธ DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 172
หน้าที่ 172 / 481

สรุปเนื้อหา

มรรคเบื้องต่ำ 3 ระดับ ได้แก่ โสดาปัตติมรรค, สกทาคามิมรรค, และอนาคามิมรรค ถูกทำลายโดยอรหัตตมรรค ผู้ที่เข้าถึงอรหัตตมรรคและอรหัตตผลจะเป็นพระอรหันต์ เข้าถึงนิพพาน พระอรหันต์มีสอุปาทิเสสนิพพานในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่และอนุปาทิเสสนิพพานหลังจากตายแล้วสรุปว่า พระอรหันต์ดับทุกข์ทางใจได้ แต่ยังมีความทุกข์ทางกายได้จนกว่าจะถึงอนุปาทิเสสนิพพาน

หัวข้อประเด็น

-มรรคเบื้องต่ำ
-อรหัตตมรรค
-นิพพาน
-สอุปาทิเสสนิพพาน
-อนุปาทิเสสนิพพาน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

มรรคเบื้องต่ำ 3 ระดับ คือ โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค และอนาคามิมรรค จะถูก อรหัตตมรรคทำลายให้หมดสิ้นไปโดยสิ้นเชิง ผลที่เกิดต่อเนื่องจากการทำลายกิเลสของ อรหัตตมรรค เรียกว่า อรหัตตผล ผู้ที่เข้าถึงหรือบรรลุอรหัตตมรรค อรหัตตผลที่เรียกว่า พระอรหันต์นี้ เป็นผู้เข้าถึงนิพพานตามคำสอนของศาสนาพุทธ 2. นิพพาน 2 ประเภท การเข้าถึงภาวะสูงสุดตามคำสอนของศาสนาพุทธคือ การบรรลุนิพพาน พระอรหันต์ จึงจัดว่าเป็นผู้ที่ได้เข้าถึงภาวะสูงสุดดังกล่าวนี้ แต่มีสิ่งที่ควรทำความเข้าใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับ พระอรหันต์ก็คือ บุคคลที่บรรลุมรรคผลขั้นสูงสุดที่เรียกว่าพระอรหันต์นี้ ถ้าบรรลุมรรคผลแล้ว ยังมีชีวิตอยู่ก็เรียกว่าได้บรรลุสอุปาทิเสสนิพพาน” พระอรหันต์จัดเป็นผู้ที่ดับทุกข์ทางใจได้สิ้นเชิง เพราะกิเลสอันเป็นสาเหตุให้เกิดความทุกข์ทางใจของท่านได้ถูกอรหัตตมรรคทำลายได้เด็ด ขาดสิ้นเชิงแล้ว ส่วนความทุกข์ทางกาย เช่น ความเจ็บปวดหรือความเจ็บป่วยทางกายของท่าน ยังคงมีอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เพราะสังขารร่างกายของท่าน ซึ่งเป็นวิบากแห่ง กิเลสและกรรมในอดีตของท่านยังมีอยู่ยังไม่ได้แตกดับไป ท่านจึงยังคงมีความทุกข์ทางกายเช่น เดียวกับบุคคลทั่วไปข้อแตกต่างระหว่างพระอรหันต์กับปุถุชนและพระอริยบุคคลชั้นต่ำทั่วไปก็คือ บุคคลที่ยังมีกิเลสเมื่อเกิดความทุกข์ทางกายก็จะส่งผลให้ท่านเกิดความทุกข์ทางใจด้วย ส่วน พระอรหันต์นั้น ความทุกข์ทางกายจะไม่ส่งผลให้ท่านเกิดความทุกข์ทางใจด้วย เพราะกิเลสอัน เป็นสาเหตุให้เกิดความทุกข์ทางใจท่านละได้เด็ดขาดสิ้นเชิงดังกล่าวแล้ว เมื่อใดพระอรหันต์สิ้น ชีวิตหรือตาย เมื่อนั้นเรียกว่าท่านได้บรรลุ “อนุปาทิเสสนิพพาน” ที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ปรินิพพาน” เมื่อพระอรหันต์เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน หรือปรินิพพาน ก็กล่าวได้ว่าท่านดับ ได้อย่างสิ้นเชิง ทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ เพราะหลังจากตายแล้วพระอรหันต์ก็หมดชาติ คือ ความเกิดท่านจะไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกต่อไป เกี่ยวกับ “สอุปาทิเสสนิพพาน และอนุปาทิเสสนิพพาน” มีพระพุทธภาษิต กล่าวไว้ใน ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ว่า ภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ 2 ประการนี้ 2 ประการเป็นไฉน คือ สอุปาทิเสส นิพพานธาตุ 1 อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ 1 ภิกษุทั้งหลายก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นพระอรหันตขีณาสพอยู่จบพรหมจรรย์ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลง ภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพหมดสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้ว 1 มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ เล่ม 25, 2539 หน้า 222. ศาสนาพุทธ DOU 157
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น