ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 3
ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู
3.1 ประวัติความเป็นมา
ก่อนที่จะได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ขอทำความเข้าใจใน
ที่นี้ก่อนว่าศาสนาพราหมณ์กับศาสนาฮินดูเป็นศาสนาเดียวกัน เพราะถ้าจะแยกเป็นคนละ
ศาสนาคือเป็นศาสนาพราหมณ์ศาสนาหนึ่ง ศาสนาฮินดูศาสนาหนึ่ง ย่อมหมายความว่า
ศาสนาพราหมณ์ได้ตายไปแล้ว และศาสนาฮินดูเป็นศาสนาที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ในความเป็นจริง
นั้นศาสนาพราหมณ์มิได้ตาย และศาสนาฮินดูก็มิได้เกิดขึ้นมาใหม่ แต่ได้พัฒนามาจากศาสนา
พราหมณ์ อีกประการหนึ่ง ศาสนิกผู้นับถือศาสนาดังกล่าวตลอดจนผู้นำทางศาสนาก็ได้ให้
คำอธิบาย และยอมรับว่าศาสนาพราหมณ์กับศาสนาฮินดูเป็นศาสนาเดียวกัน จึงเรียกรวมกัน
ว่าศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับตั้งแต่ชนชาติ
อารยันเริ่มถิ่นฐานในชมพูทวีป จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทำให้มีชื่อนับตั้งแต่
ให้มีชื่อนับตั้งแต่เริ่มแรก เรียกว่า
ศาสนาสนาตนะ แปลว่า ศาสนาที่ดำรงอยู่นิจนิรันดร์ ไม่มีวันเสื่อม ต่อมาเกิดคัมภีร์พระเวทจึง
เรียกว่า ไวทิกธรรม แปลว่า ธรรมที่ได้จากพระเวท ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นอารยธรรม แปลว่า
ธรรมอันดีงาม เมื่อพวกพราหมณ์มีอิทธิพลทางศาสนาจึงได้ชื่อว่า “ศาสนาพราหมณ์ธรรม”
แปลว่า คำสอนของพราหมณาจารย์ จนกระทั่งได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาจึงได้ชื่อใหม่
ว่า หินทธรรม หรือ ฮินดูธรรม แปลว่า ธรรมที่สอนลัทธิอหิงสา ซึ่งคำว่าอหิงสานี้แปลว่า การ
ไม่เบียดเบียน
สืบเนื่องมาจากการที่ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้เกิดขึ้นและพัฒนามาเป็นเวลาอันยาวนาน
นี้ทำให้แนวความคิดทางศาสนาแตกต่างกันออกไปมาก ดังนั้นการที่จะศึกษาศาสนาพราหมณ์-
ฮินดูเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและการพัฒนาทางด้านแนวคิดทางศาสนาให้กระจ่างยิ่งขึ้นนั้น
เราต้องศึกษาเกี่ยวกับการแบ่งยุคสมัยของศาสนากันก่อน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนักปราชญ์ทาง
ศาสนาได้แบ่งยุคของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูออกอย่างกว้างๆ เป็น 3 ยุคด้วยกัน คือ 1) ยุค
48 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า