ข้อความต้นฉบับในหน้า
เกษตรกรรม อันเป็นวิถีชีวิตของคนสมัยนั้น ในสมัยนี้มนุษย์รู้จักปลูกพืช ทำนา ทำไร่ และเลี้ยง
สัตว์ ทำให้รู้จักตั้งหลักแหล่งและสร้างบ้าน แปลงเมืองจึงเกิดความจำเป็นที่จะทำให้พื้นที่เพาะ
ปลูกมีความสมบูรณ์อยู่เสมอ มนุษย์ในสมัยนี้รู้จักสังเกตความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่เป็น
ไปอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเกิดน้ำขึ้นน้ำลง การเกิดข้างขึ้นข้างแรมและการเคลื่อนไหวของ
ดวงดาวล้วนมีผลต่อการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ การพัฒนาทางศาสนาของมนุษย์ในยุคนี้
จึงมีพื้นฐานอยู่บนความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเท่าๆ กับความอุดมสมบูรณ์ของมนุษย์และ
สัตว์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดแนวคิดในเรื่องเทพปกรณัม ซึ่งมีที่มาจากความเชื่อในพลังอัน
ลึกลับของธรรมชาติแล้วให้ภาพลักษณ์เป็นเทพต่าง ๆ แทนพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว
และฤดูต่างๆ
จากการขุดค้นพบหลุมศพต่าง ๆ โดยนักโบราณคดีมีข้อน่าสังเกต คือหลุมศพเหล่านั้นมัก
จะมีขนาดใหญ่และฝังคนหลายๆ คนรวม ๆ กันไป จากการขุดพบกระดูกของผู้ชาย ผู้หญิง สัตว์
รวมทั้งเครื่องมือ เครื่องใช้ ตลอดจนอาวุธและเครื่องประดับ ทำให้สันนิษฐานกันว่าหลุมศพ
ขนาดใหญ่เหล่านี้น่าจะเป็นหลุมของคนในระดับชั้นผู้นำ ส่วนกระดูกผู้หญิงนั้นน่าจะเป็น
กระดูกของภรรยา และพวกคนใช้ตลอดจนสัตว์เลี้ยงต่างๆ ที่เคยเป็นเจ้าของหรือเป็นสัตว์เลี้ยง
ตัวโปรด การฝังสิ่งเหล่านี้รวมกันในที่เดียวกัน มีจุดประสงค์เพื่อจะได้ตามไปรับใช้ในโลกหน้า
นอกจากนี้ในยุคหินใหม่ยังมีกองหินขนาดโตหลายก้อนกองรวมกัน ซึ่งลักษณะเช่นนี้ มัก
จะพบหลายแห่งทั่วโลก เช่น กองหินที่สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ในประเทศอังกฤษและกอง
หินที่บริตตานี (Brittamy) ในประเทศฝรั่งเศส กองหินเหล่านี้มักจะถูกนำมาจากที่ไกลๆ ซึ่ง
ยากแก่การขนส่ง แสดงว่าผู้นำมากองไว้ในบริเวณเหล่านี้ เพื่อการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
และอ้อนวอนร้องขอต่อพลังอันศักดิ์สิทธิ์จะได้ประทานในสิ่งที่ตนปรารถนา
2.2.4 ศาสนาและความเชื่อของพวกอเมริกันอินเดียน
ชาวอเมริกันอินเดียนเป็นพวกพื้นเมืองเดิมที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกา ซึ่งมีหลายเผ่าพันธุ์
ทำให้เกิดความแตกต่างทั้งในด้านการแต่งกายและภาษาพูด ชาวอเมริกันอินเดียนเหล่านี้มี
ความเชื่อทางด้านศาสนา ที่มีลักษณะร่วมกันดังนี้ คือ
1. ความเชื่อในเรื่องวิญญาณ (Animism)
ชาวอเมริกันอินเดียนโดยทั่ว ๆ ไป ให้ความเคารพในธรรมชาติและเชื่อว่าธรรมชาติ
มีพลังอำนาจที่อาจให้คุณหรือโทษแก่มนุษย์ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในเคล็ดลับของการใช้
1 Hopfe, Lewis M. Religions of the World. 3rd .ed, 1983 หน้า 36-38.
34 DOU ศาสนศึกษา