ข้อความต้นฉบับในหน้า
4) ชนชั้นสูงกับชนชั้นต่ำในสังคมมีมาก ชนชั้นกลางมีน้อย
5) ความคิดด้านศาสนาเกี่ยวกับเรื่องการตายแล้วเกิด ในหมู่ผู้ที่เชื่อเช่นนั้นยังมี
ความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นหลายพวก ทำให้เกิดลัทธิต่าง ๆ มากมาย เช่น
เกี่ยวกับเรื่องการตาย การเกิด พวกหนึ่งเชื่อว่าตายแล้วเกิด ในหมู่ผู้ที่เชื่อเช่นนั้น
ยังมีความคิดเห็นแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า เดิมเคยเกิดเป็นอะไร เกิดใหม่ก็เป็นเช่นนั้น
อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า อาจไปเกิดใหม่เป็นอย่างอื่นก็ได้
อีกพวกหนึ่งเชื่อว่า ตายแล้วสูญ พวกที่เชื่อเช่นนี้ก็มีความเห็นเป็น 2 ฝ่ายเช่นกันคือ
ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าสูญทั้งหมด อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าสูญเพียงบางส่วน
เกี่ยวกับชีวิตหลังตาย บางพวกเชื่อว่า สัตว์หลังตายยังมีความทรงจำ (สัญญา) เหลือ
ติดอยู่ อีกพวกหนึ่งเชื่อว่าไม่มี
เกี่ยวกับเรื่องสุข ทุกข์ พวกหนึ่งเชื่อว่าสุข ทุกข์เป็นสิ่งเกิดเอง อีกพวกหนึ่งเชื่อว่ามีเหตุ
ทำให้เกิดคือ กรรมบันดาล (ปัจจัยภายใน) หรือ เทวดาบงการให้เป็นไป (ปัจจัยภายนอก)
6) มีคณาจารย์เจ้าลัทธิต่าง ๆ ทำการเผยแพร่ลัทธิของตนจำนวนมากมาย คัมภีร์
เก่าของศาสนาพุทธกล่าวว่า ในอินเดียฝ่ายเหนือมี 62 ลัทธิ” (คัมภีร์ศาสนาเชนว่า มี 363 ลัทธิ)
เจ้าลัทธิสำคัญๆ ที่ควรทราบได้แก่
1. ปูรณกัสสปะ สอนว่า “บุญ บาป” ไม่มี ทุกอย่างที่ทำไปแล้วไม่ว่าดีหรือชั่ว
เมื่อจบสิ้นแล้วย่อมแล้วกันไป ไม่มีผลตอบสนองภายหลังอย่างไรอีกทั้งสิ้น”
2. มักขลิโคสาล สอนว่า “สุข ทุกข์ หรือ ความดี ความชั่ว เป็นสิ่งเกิดเองโดย
ธรรมชาติไม่มีอะไรเป็นเหตุหรือปัจจัยสนับสนุนให้เกิด”
3. ปกุธกัจจายนะ สอนว่า “สิ่งที่เป็นจริงแท้ในโลกนี้มีเพียง 7 อย่างเท่านั้น คือ
ดิน น้ำ ลม ไฟ สุข ทุกข์และชีวะ กรรมดี กรรมชั่ว บุญ บาป นรก สวรรค์ เป็นเรื่องที่คิดกันขึ้น
เองทั้งสิ้น แท้จริงไม่มี” ลัทธินี้ถือว่าการฆ่าไม่บาป เช่น เมื่อใช้ดาบฟันลงไปบนร่างกาย คม
ดาบจะผ่านลงไปในระหว่างอนุภาคของสิ่งที่เป็นนิรันดร (ใน 7 สิ่ง) ซึ่งไม่มีสิ่งใดสามารถ
ทำลายหรือแบ่งแยกได้เท่านั้น จึงเท่ากับไม่มีผลดีผลร้ายอย่างไรเกิดขึ้น
4. อชิตเกสกัมพล สอนว่า “ธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้นที่เป็นของจริง
สิ่งอื่นล้วนเป็นมายา เกิดจากการรวมกันของธาตุ 4 เมื่อธาตุ 4 สลายตัวแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอัน
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม 9. สามัญญผลสูตร, 2539
หน้า 95.
ศาสนาพุทธ
DOU 123