ข้อความต้นฉบับในหน้า
ชราด้วยกันทั้งนั้น ก็บังเกิดสังเวชพระทัยจึงเสด็จกลับพระราชวัง
วันต่อมาเมื่อเจ้าชายได้เสด็จประพาสพระอุทยานอีก ก็ทรงพบเห็นคนเจ็บและคน
ตายในวาระที่สองและที่สาม ก็ทรงถามดังเช่นคราวก่อน เมื่อทรงทราบว่าเป็นของธรรมดาที่
ทุกคนจะต้องเจ็บ จะต้องตาย ก็ทรงสลดสังเวชพระทัยเป็นทวีคูณ แต่ในวาระที่สี่ได้ทรงพบภาพ
บรรพชิตนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ มีกิริยาสำรวมน่าเคารพเลื่อมใสยิ่งนัก จึงทรงถามนายฉันนะอีก
เมื่อทรงทราบว่าเป็นผู้สงบ ไม่มีอันตราย ก็ทรงพอพระทัยในบรรพชา ทำให้เจ้าชายมีพระทัย
ผ่องแผ้วเบิกบาน จึงเสด็จเที่ยวอยู่ในพระอุทยานตลอดวัน
ในวันนั้นเองเจ้าหญิงพิมพาได้ประสูติโอรส พระเจ้าสุทโธทนะจึงให้มหาดเล็กไปทูล
เจ้าชายให้ทรงทราบ พระองค์กำลังมีพระทัยน้อมไปในบรรพชา จึงออกโอษฐ์ว่า “ห่วงบังเกิด
ขึ้นแก่เราแล้ว” ตั้งแต่นั้นมาพระราชกุมารจึงได้นามว่า “ราหุล” ซึ่งแปลว่า “ห่วง” แล้วในตอน
เย็นพระองค์ก็เสด็จกลับพระราชวัง
5.2.3 ออกบรรพชา
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ประสบพบว่าคนเราจะต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย และความเกิด
แก่ เจ็บ ตาย นี้แหละเป็นเหตุทำให้เกิดทุกข์ แล้วจึงทรงดำริต่อไปว่าสภาพทั้งปวงย่อมมีของแก้
กัน เช่น มีร้อนก็มีเย็นแก้ มีมืดก็มีสว่างแก้ มีทุกข์ก็ต้องมีสุขได้ และความสุขนั้นจะต้องพ้นไป
เสียจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถ้ายังอยู่ในเพศฆราวาสก็คงหาทางแก้ทุกข์มิได้ ในตอนดึกคืน
วันหนึ่ง เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 29 พรรษา ก็ตัดสินพระทัยเสด็จออกบรรพชา โดยยอมหนี
จากพระนางพิมพา พระวรชายาคู่บารมี และโอรสราหุลสุดที่รักปานดวงพระทัย สละโภคสมบัติ
ยศศักดิ์รัชทายาท และอำนาจวาสนาทั้งสิ้น แล้วเสด็จหนีออกจากพระราชวังที่ประทับโดยม้า
ทรงชื่อ “กัณฐกะ” พร้อมกับมหาดเล็กฉันนะในยามราตรี ถึงฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำอโนมา (ซึ่ง
กั้นพรมแดนระหว่างแคว้นสักกะกับแคว้นมัลละ) ทรงตัดพระเมาลีด้วยพระขรรค์ และทรง
เปลื้องเครื่องประดับต่างๆ ออกแล้วสวมใส่ชุดนักบวช อธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต เพื่อแสวงหา
ทางแห่งความพ้นทุกข์ต่อไป ครั้งแรก พระโคดมได้ประทับอยู่ ณ ป่ามะม่วงชื่อ อนุปิยอัมพวัน
ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา ฝั่งเมืองสาวัตถีอยู่ถึง 7 วัน จึงเสด็จมุ่งตรงไปยังกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
ฝ่ายโกณฑัญญะพราหมณ์ เมื่อได้ข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะออกบวชแล้ว จึงได้ชวน
บุตรพราหมณ์ที่เคยไปร่วมทำนายลักษณะเจ้าชายออกบวชตาม บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ
จึงมีผู้บวชตามเพียง 5 คน รวมทั้งโกณฑัญญะพราหมณ์ อีก 4 คน คือ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ
132 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า