ศาสนาขงจื้อ: ปรัชญาแห่งมนุษย์นิยม DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 235
หน้าที่ 235 / 481

สรุปเนื้อหา

ศาสนาขงจื้อมีลักษณะเป็นปรัชญามากกว่าศาสนา โดยเน้นการพัฒนาคุณธรรมและความสุขของมนุษย์ในโลกนี้ ศาสนานี้ใช้หลักการปฏิบัติที่ช่วยสร้างคนดีผ่านคำสอนที่สนับสนุนการใช้ชีวิต รวบรวมจารีตประเพณีโบราณและมีความสอดคล้องกับศาสนาอื่น ๆ เช่น เต๋าและพุทธในจีน ประชาชนมักนับถือทั้ง 3 ศาสนาและนำแนวคิดของกันและกันมาใช้

หัวข้อประเด็น

-ปรัชญาศาสนาขงจื้อ
-คุณธรรมในชีวิต
-การศึกษาและการฟื้นฟูขนบธรรมเนียม
-ความเชื่อทางจิตวิญญาณ
-การรวมศาสนาในสังคมจีน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ศาสนาขงจื้อ จะมีลักษณะเป็นปรัชญามากกว่าศาสนา เพราะศาสนาขงจื้อจะว่าด้วยจริยา ศาสตร์ หลักประพฤติปฏิบัติของมนุษย์ในชาตินี้เท่านั้น ทำอย่างไรตนและคนอื่นจึงจะมีความ สุขความเจริญ ทำอย่างไรสังคมจึงจะดีมีความสุข และทำอย่างไรประเทศชาติตลอดถึงโลกจึงจะ มีความสงบสุข ศาสนาขงจื้อไม่ได้ว่าด้วยคุณธรรมชั้นสูงและความลี้ลับของจิตวิญญาณ และ โลกหน้าอย่างที่เรียกว่าอภิปรัชญาเลย แต่ก็ยังจัดเป็นศาสนา ทั้งนี้ก็เพราะมีองค์ประกอบอื่นๆ เข้าข่ายเป็นศาสนาได้คือ 1) มีศาสดาหรือผู้ตั้งศาสนา 2) มีคัมภีร์ทางศาสนา 3) มีนักบวช หรือผู้สืบต่อศาสนา 4) มีสถานที่อยู่ของนักบวชหรือผู้สืบต่อศาสนา 5) มีปูชนียวัตถุหรือ ปูชนียสถานทางศาสนาตลอดทั้งมีพิธีกรรมทางศาสนา และเนื่องจากศาสนาขงจื้อจะว่าด้วย เรื่องที่เกี่ยวกับมนุษย์ในชาตินี้เท่านั้นศาสนาขงจื้อจึงได้ชื่อว่า ศาสนาแห่งมนุษย์นิยม กล่าวคือ ศาสนาขงจื้อให้ความสำคัญแก่มนุษย์มาก ถึงว่ามนุษย์เป็นผู้บันดาลความเจริญหรือความเสื่อม ตลอดจน ถึงความเป็นไปต่าง ๆ ให้แก่โลก ดังนั้นมนุษย์จึงเป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นไปใน โลกทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้จึงจำต้องสร้างคนให้เป็นคนดี จะได้นำแต่สิ่งที่ดีมาสู่ชีวิตและ โลก ปัญหามีว่าจะทำคนให้เป็นคนดีได้อย่างไร เรื่องนี้ ขงจื้อได้ตอบไว้ว่าไม่ต้องหาที่ไหน บรรพบุรุษได้สร้างไว้แล้วนั่นก็คือคุณธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิทยาการต่างๆ ขงจื้อได้ทุ่มเทเวลาไปในการศึกษาค้นคว้าวิทยาการต่าง ๆ ที่บรรพบุรุษสร้างสมไว้ พยายามฟื้นฟู เรื่องโบราณอย่างจริงจัง ได้รวบรวมจารีตประเพณีโบราณต่าง ๆ เช่น การบูชาฟ้าดิน การบูชา พระอาทิตย์ พระจันทร์ และการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เป็นต้น เพื่อจะนำมาใช้สร้างคนให้เป็นคนดี ด้วยเหตุนี้ศาสนาขงจื้อจึงมีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องคุณธรรมและวิทยาการต่าง ๆ ในสมัยโบราณ เพียงแต่ขงจื้อได้ตีความหมาย ขยายความเสียใหม่ และใช้หลักธรรมการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นแกนกลางสำหรับไว้ให้ทุกคนปฏิบัติต่อกัน ตามฐานะหน้าที่ของตน เพราะฉะนั้นคำสอนใน การดำเนินชีวิตทั้งหมดของขงจื้อ จึงรวมอยู่ในภาษาจีนคำเดียว คือ “สู่” หมายถึง อะไรที่ ตนเองไม่ปรารถนา ก็อย่าทำอย่างนั้นกับผู้อื่น ศาสนาขงจื้อ เคยเจริญรุ่งเรืองในประเทศจีนเคียงคู่กับศาสนาเต๋า และศาสนาพุทธ แต่ เนื่องจากคำสอนในศาสนาขงจื้อ ไม่มีอภิปรัชญา ดังนั้นคนจีนเมื่อต้องการคำสอนที่ลึกซึ้ง หรือ ต้องการรู้ความเป็นไปในโลกหน้าจึงต้องหันไปนับถือศาสนาเต๋าและศาสนาพุทธอีกด้วย ส่วน ศาสนิกของศาสนาพุทธก็เช่นกัน ต่างก็ให้ความสำคัญต่อศาสนาขงจื้อ เพราะฉะนั้นคนจีน ทั่วไปจึงนับถือทั้ง 3 ศาสนา คือ พุทธ เต๋าและขงจื้อ รวมกันไป และต่างก็นำคำสอนของอีกฝ่าย หนึ่งมาคลุกเคล้าเข้ากัน จนยากที่จะแยกจากกันได้ ดังมีคำพูดในภาษาจีนว่า ซัมเก่า แปลว่า คำสั่งสอนทั้ง 3 ศาสนา ก็ความเป็นไปของทั้ง 3 ศาสนา เป็นอย่างนี้ตลอดมา จนประเทศจีน 220 DOU ศาสนศึกษา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More