ข้อความต้นฉบับในหน้า
3.
ชีวิต จะมีการสืบต่อไปชั่วกาลยาวนาน ชีวิตนั้นเป็นอมตะ เพราะว่าพระเจ้า
ทรงพอพระทัยในการสร้างของพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงแยกชีวิตออกไปจากโลก
4. พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำนาจอันถาวร พระอำนาจนั้นส่งให้เกิดคุณความดีและ
ความรักเป็นภราดร
พวกดีอิสต์ปฏิเสธเพศอำนาจหลายอย่างที่ปรากฏในคัมภีร์เก่าและคัมภีร์ใหม่ อาทิ
เรื่องพระเยซูภายหลังสิ้นชีพ ทรงมาปรากฏพระกายให้เห็นด้วยพระอานุภาพของพระเจ้าหรือ
ของพระองค์เองอย่างใดอย่างหนึ่งว่าเป็นเรื่องไม่มีเหตุผล และเชื่อว่าตามเหตุผลเมื่อมนุษย์เป็น
คนดีอยู่ตามธรรมชาติแล้ว เรื่องของนรกเป็นอันมีไม่ได้ พวกดีอิสต์เป็นพวกมองโลกข้างดี เป็น
พวกถือความรัก ความเมตตาปรานี เป็นรากฐานของชีวิต และที่ดีที่สุด คือ เป็นผู้ถือเหตุผล
เป็นใหญ่
5. นิกายมอร์มอน (Mormonism)
ลัทธิมอร์มอนเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า The Charch of Jesus Christ คือ นิกายยีซัสไครสต์
ของบรรดาสาวกผู้มาในภายหลัง ศาสนิกของลัทธินี้ มีคัมภีร์สำคัญเล่มหนึ่ง เรียกว่า Book of
Mormon ผู้ตั้งลัทธิ ชื่อ โยเซฟ สมิธ เป็นชาวนาเมืองเวอร์มอนด์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23
ธันวาคม 2324 เป็นเด็กเอาใจใส่ในศาสนาเมื่ออายุ 15 ปี เกิดศรัทธาเชื่อว่าตนเองเป็นผู้ได้
รับสาสน์มาจากสวรรค์ตามตำนานว่า มีเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ โมโนรี นำเอาข้อความในคัมภีร์
มาบอกแก่โยเซฟ สมิธประหนึ่งว่าเป็นความฝัน เทวดาองค์นั้นมาเข้าฝันบอกความแก่สมิธว่า
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 963 ได้ฝังคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไว้เล่มหนึ่งที่ภูเขาคุโมร่าห์ ทางภาคเหนือของนิวยอร์ก
เทวดาองค์นั้นบอกว่าคัมภีร์เล่มนี้ เทพผู้เป็นบิดาของตนชื่อ มอร์มอน รจนาไว้ย่อ ๆ มีเหลืออยู่
แต่ใจสำคัญขอให้ไปเอามา โยเซฟ สมิธ ก็ไปเอาคัมภีร์นั้นมา นัยว่ามีคำจารึกเป็นภาษาโบราณ
สมิธแปลออกพิมพ์เมื่อปีพ.ศ. 2373
หลักของมอร์มอน มีดังนี้
1. เราเชื่อในพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดานิรันดร เราเชื่อในพระบุตร (Son) ของ
พระองค์และเชื่อในพระจิต
2. เราเชื่อว่ามนุษย์จะได้รับการลงโทษ เพราะบาปของคนแต่ละคน หาใช่ต้อง
รับบาปอันตกทอดมาจากอาดัม ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกของพระเจ้านั้นหาไม่
3. เราเชื่อว่ามนุษย์ชาติทั้งหลายจะพ้นภัยได้ด้วยการช่วยเหลือของพระเยซูเจ้า
โดยการที่มนุษย์ยอมเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์
340 DOU
ศ า ส น ศึ ก ษ า