ข้อความต้นฉบับในหน้า
เตียเต๋าเล้ง และสังฆราชถัดๆ มาก็เป็นแบบไสยศาสตร์หรือรหัสนิยม (Mysticism) อย่างเช่น
จางเต้าหลิง หรือจางหลิงผู้ได้รับสถาปนาเป็นสังฆราชองค์แรกของศาสนาเต๋าในราวปี พ.ศ. 577
ก็มีดาบศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าดาบของท่านสามารถฆ่าพวกปีศาจแม้อยู่ไกลถึง 1,000 ไมล์ได้
เป็นต้น ศาสนาเต๋าที่มีลักษณะอย่างนี้เรียกกันว่า เต๋า เจียว แต่ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนจะขอ
กล่าวเฉพาะศาสนาเต๋าในแบบของเหลาจื้อเป็นสำคัญ ศาสนาเต๋าหลังจากเป็นศาสนาแล้ว ก็
เจริญบ้างเสื่อมบ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางบ้านเมืองเป็นเหตุคือ สมัยใดที่พระเจ้าจักรพรรดิเลื่อมใส
ศาสนาเต๋าก็รุ่งเรือง แต่ถ้าตรงกันข้ามก็ตกต่ำ และที่กระทบกระเทือนมากที่สุด ในสมัยที่
คอมมิวนิสต์เข้ายึดครองประเทศจีน ความเป็นไปของศาสนาเต๋า สมัยก่อนการเปลี่ยนแปลง
เป็นคอมมิวนิสต์'มีดังนี้
พ.ศ. 331 จักรพรรดิซีฮวง (Shi Huang Ti) ทรงสั่งให้เผาคัมภีร์ ศาสนาจงจื้อ แล้วยก
ศาสนาเต๋าขึ้นแทน และทรงส่งเรือไปยังเกาะวิเศษเพื่อค้นหาพฤกษชาติที่กินแล้วเป็นอมตะ
พ.ศ. 699 จักรพรรดิหวัน (Hwan) ได้ทรงจัดทำพิธีเซ่นไหว้เล่าจื้อเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 1117-1124 จักรพรรดิหวู (Wu) ได้ทรงจัดลำดับศาสนาเสียใหม่โดยให้ศาสนา
ขงจื้ออยู่ลำดับที่ 1 ศาสนาเต๋าลำดับที่ 2 และศาสนาพุทธลำดับ 3 ต่อมาทรงรังเกียจศาสนา
เต๋าและศาสนาพุทธจึงทรงยกเลิกเสีย ครั้นถึงพระเจ้าติ่ง (Tsing) จักรพรรดิองค์ถัดมากลับให้
สถาปนาศาสนาเต๋าและศาสนาพุทธขึ้นอีก
พ.ศ. 1193-1227 เหลา
ลาจื้อได้รับสถาปนาเทียบเท่าพระเจ้าจักรพรรดิ ทั้งให้ใช้ผล
งานการเขียนของเหลาจื้อ เป็นข้อสอบไล่ของทางราชการอีกด้วย
พ.ศ. 1256-1285 จักรพรรดิไกยืน (Kai Yuen) ทรงประทานคัมภีร์เต๋าเต็กเกง ไปทั่ว
ราชอาณาจักรทั้งเสวยพระโอสถที่ทางศาสนาเต๋าปรุงถวาย แสดงว่าพระองค์ทรงเพิ่มความเชื่อ
ถือในไสยศาสตร์ของศาสนาเต๋ามากขึ้นอีก
พ.ศ. 1368-1370 จักรพรรดิเปาหลี (Pao-Li) ทรงขับไล่หมอเต๋าทั้งหมดให้ออกไปอยู่
จังหวัดใต้สุด 2 จังหวัดในข้อหาว่าเจ้าเล่ห์เพทุบาย
พ.ศ. 1348-1390 จักรพรรดิหวู ซุง (Wu Tsung) ทรงสั่งให้ปิดวัดและสำนักชีทั้งหมด
ไม่ว่าเป็นของศาสนาเต๋าหรือศาสนาพุทธ แต่ต่อมากลับสั่งให้ศาสนาเต๋าเป็นศาสนาที่พอ
พระทัยของพระองค์ ทั้งเสวยพระโอสถที่ทางศาสนาเต๋าปรุงถวาย เพื่อทรงเป็นอมตะและเหาะ
ได้คล้ายเทวดา
Hume Robert E. The World's Living Religions, 1957 p.147-148.
198 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า