ข้อความต้นฉบับในหน้า
4. ผลคือวิบากของกรรมที่ทำดีและทำชั่วมี (หมายถึง บุคคลทำดีต้องได้ดีจริง ทำ
ชั่วต้องได้ชั่วจริง)
5. โลกนี้มี (หมายถึง โลกนี้มีคุณเป็นอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับใช้สร้างบุญบารมี)
6. โลกหน้ามี (หมายถึง โลกหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ ความเป็นไปของโลกหน้า
เป็นผลมาจากโลกนี้)
7. มารดามี (หมายถึงมารดามีพระคุณต่อบุตรอย่างยิ่ง บุตรควรตั้งใจตอบแทน
พระคุณท่านอย่างเต็มที่)
8. บิดามี (หมายถึง บิดามีพระคุณต่อบุตรอย่างยิ่ง บุตรควรตั้งใจตอบแทน
พระคุณท่านอย่างเต็มที่)
9. สัตว์ที่เกิดแบบโอปปาติกะ (ผุดขึ้นเกิด) มี (หมายถึง สัตว์ที่ผุดขึ้นเกิดแล้วโต
ทันทีมีจริง อาทิเช่น ในภูมิทุคติ ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ในภูมิสุคติ
ได้แก่ เทวดา พรหม อรูปพรหม)
10. สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบชนิดที่ทำให้แจ้งโลกนี้ โลกหน้าด้วย
ปัญญาอันยิ่งเองแล้วสอนให้ผู้อื่นรู้ตามมี (หมายถึงพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธ
เจ้า พระอรหันต์ ผู้สามารถรู้แจ้งในโลกนี้ โลกหน้าด้วยวิริยะอุตสาหะอันยิ่ง
ของท่านเองมีจริง)
ซึ่งถ้าหากใครมีความเข้าใจในเรื่องสัมมาทิฏฐิทั้ง 10 ประการนี้แล้ว ต้องถือว่า
บุคคลนั้นมีวิถีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด
5.4.3 ไตรลักษณ์
ความหมายของไตรลักษณ์
ไตรลักษณ์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสามัญลักษณะ แปลว่า ลักษณะ 3 อย่าง อัน
หมายถึงกฎธรรมชาติที่มีอยู่ทั่วไปในสรรพสิ่ง กฎธรรมชาตินี้เป็นภาวะที่ทรงตัวอยู่เองโดย
ธรรมชาติ (ธรรมธาตุ) เป็นหลักหรือกฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัว (ธรรมฐิติ) เป็นสิ่งธรรมดา ไม่มี
ผู้สร้างบันดาล เกิดเอง เป็นเอง (ธรรมนิยาม) พระพุทธเจ้าตรัสถึงกฎธรรมชาตินี้ไว้ว่า ไม่ว่า
พระพุทธเจ้าทั้งหลายจะอุบัติขึ้นในโลกหรือไม่ก็ตาม กฎธรรมชาตินี้ก็ยังคงมีอยู่และเป็นไป
ตลอดกาล พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้รู้ที่แจ่มแจ้งซึ่งกฎธรรมชาตินั้น แล้วทรงนำมาประกาศเปิด
หน้า 1.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม 18. ไตรลักษณ์, 2539
150 DOU ศ า ส น ศึ ก ษ า