ข้อความต้นฉบับในหน้า
อาจารย์กีรติ บุญเจือ” ได้จำแนกชนิดของไสยศาสตร์ เป็น 5 ชนิดดังนี้ คือ
1. ไสยศาสตร์แบบตัวแทนผูกมัด (Representative magic)
ไสยศาสตร์ชนิดนี้เป็นไสยศาสตร์ที่ผู้มีพลังจิต หรือมีคาถาอาคมกระทำต่อวัตถุอย่างใด
อย่างหนึ่งที่ถือเอาเป็นตัวแทนของบุคคลที่ตนต้องการกระทำ เช่น การปั้นชายหญิงให้กอดกัน
แล้วทำพิธีตามลัทธิก็จะเกิดผลสะท้อนไปถึงชายหญิงที่ต้องการให้มีความปรารถนาซึ่งกันและกัน
การทำเสน่ห์ยาแฝด การฝังรูปฝังรอยนี้ ผู้โดนกระทำจะมีลักษณะหงุดหงิดง่าย ใบหน้าหมองคล้ำ
ขอบตาเขียว วิธีแก้ไขยากมาก นอกจากครูอาจารย์ที่เจริญศีลบริสุทธิ์ และทรงพุทธาคมขั้นสูง
จึงจะทำได้ นอกจากนี้ยังมีวิธีการใช้เข็มทิ่มแทงตุ๊กตา ซึ่งเป็นตัวแทนของศัตรู เพื่อทำให้เกิด
ความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งตาย พิธีกรรมชนิดนี้นิยมกันมากในแอฟริกา และในบางกลุ่ม
ของชนชาวเขาในประเทศไทย การทำไสยศาสตร์แบบตัวแทนผูกมัดนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัยของ
มนุษย์โครมันยอง พวกเขานิยมเขียนภาพสัตว์บนผนังถ้ำ แล้วใช้อาวุธกระหน่ำแทงไปที่รูปภาพ
เหล่านั้น หรือบางภาพอาจเขียนภาพสัตว์ที่กำลังถูกล่าหรือถูกแทงจนบาดเจ็บ เพื่อเป็นการ
ตัดไม้ข่มนามก่อนออกล่าสัตว์ ซึ่งจะทำให้จับสัตว์ได้ง่ายมากขึ้น
2. ไสยศาสตร์แบบชิ้นส่วนผูกมัด (Part for all magic)
ไสยศาสตร์ชนิดนี้เกิดจากการนำเอาชิ้นส่วนของร่างกายบางส่วนมากระทำตามพิธีกรรม
เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ จึงอาจเป็นไปเพื่อประโยชน์ของ
ตนเองก็ได้ หรือเพื่อเป็นโทษแก่ผู้อื่นก็ได้อีกเช่นกัน เช่น การใช้ขี้ไคลของตนมาทำตาม
พิธีกรรมแล้วใส่ในน้ำหรืออาหารให้ชายหรือหญิงที่ตนหลงรักได้กินเข้าไป จะทำให้เกิดความ
ลุ่มหลงอย่างขาดสติสัมปชัญญะเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมอื่นๆ อีก ได้แก่ การใช้
ชิ้นส่วนต่างๆ ของฝ่ายตรงข้าม เช่น ผม เล็บ ขน หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมากระทำพิธี
เสกเป่าด้วยคาถาอาคมเพื่อให้คนๆ นั้นได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
3. การเข้าทรง (Being Medium)
ไสยศาสตร์ชนิดนี้เกิดจากการยินยอมให้วิญญาณใดวิญญาณหนึ่ง ล่องลอยมาสิงอยู่ในตัว
และกระทำการต่างๆ โดยอาศัยร่างทรงเป็นสื่อ
4. การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง (Fetichsm)
ไสยศาสตร์ชนิดนี้เกิดจากใช้วัตถุอย่างใดก็ได้เป็นสื่อชักนำพลังอำนาจที่เหนือธรรมชาติ
1 กีรติ บุญเจือ, ศาสนศาสตร์เบื้องต้น, 2532 หน้า 17.
ศาสนา พื้นฐานดั้งเดิม DOU 25