ชนิดของไสยศาสตร์ที่จำกัดโดยอาจารย์กีรติ บุญเจือ DF 404 ศาสนศึกษา หน้า 40
หน้าที่ 40 / 481

สรุปเนื้อหา

อาจารย์กีรติ บุญเจือ ได้จำแนกชนิดของไสยศาสตร์ออกเป็น 5 ชนิด ได้แก่ ไสยศาสตร์แบบตัวแทนผูกมัด ใช้ตัวแทนเพื่อกระทำประโยชน์หรือโทษแก่ผู้อื่น, ไสยศาสตร์แบบชิ้นส่วนผูกมัด ที่ทำจากชิ้นส่วนร่างกาย, การเข้าทรง ที่มีการใช้ร่างทรงเป็นสื่อ, การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ที่ใช้อย่างอื่นเพื่อดึงพลังเหนือธรรมชาติในการสร้างผลกระทบ, และผู้ที่ต้องการทำพิธีกรรมนี้จะต้องมีความรู้และศีลธรรมสูงถึงจะสำเร็จได้ การศึกษาไสยศาสตร์นี้จึงเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมไทยและบางกลุ่มในแอฟริกา รวมทั้งประวัติศาสตร์มนุษย์โครมันยองที่นิยมทำพิธีกรรมในอดีต

หัวข้อประเด็น

-ไสยศาสตร์แบบตัวแทนผูกมัด
-ไสยศาสตร์แบบชิ้นส่วนผูกมัด
-การเข้าทรง
-การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง
-พลังเหนือธรรมชาติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อาจารย์กีรติ บุญเจือ” ได้จำแนกชนิดของไสยศาสตร์ เป็น 5 ชนิดดังนี้ คือ 1. ไสยศาสตร์แบบตัวแทนผูกมัด (Representative magic) ไสยศาสตร์ชนิดนี้เป็นไสยศาสตร์ที่ผู้มีพลังจิต หรือมีคาถาอาคมกระทำต่อวัตถุอย่างใด อย่างหนึ่งที่ถือเอาเป็นตัวแทนของบุคคลที่ตนต้องการกระทำ เช่น การปั้นชายหญิงให้กอดกัน แล้วทำพิธีตามลัทธิก็จะเกิดผลสะท้อนไปถึงชายหญิงที่ต้องการให้มีความปรารถนาซึ่งกันและกัน การทำเสน่ห์ยาแฝด การฝังรูปฝังรอยนี้ ผู้โดนกระทำจะมีลักษณะหงุดหงิดง่าย ใบหน้าหมองคล้ำ ขอบตาเขียว วิธีแก้ไขยากมาก นอกจากครูอาจารย์ที่เจริญศีลบริสุทธิ์ และทรงพุทธาคมขั้นสูง จึงจะทำได้ นอกจากนี้ยังมีวิธีการใช้เข็มทิ่มแทงตุ๊กตา ซึ่งเป็นตัวแทนของศัตรู เพื่อทำให้เกิด ความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งตาย พิธีกรรมชนิดนี้นิยมกันมากในแอฟริกา และในบางกลุ่ม ของชนชาวเขาในประเทศไทย การทำไสยศาสตร์แบบตัวแทนผูกมัดนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัยของ มนุษย์โครมันยอง พวกเขานิยมเขียนภาพสัตว์บนผนังถ้ำ แล้วใช้อาวุธกระหน่ำแทงไปที่รูปภาพ เหล่านั้น หรือบางภาพอาจเขียนภาพสัตว์ที่กำลังถูกล่าหรือถูกแทงจนบาดเจ็บ เพื่อเป็นการ ตัดไม้ข่มนามก่อนออกล่าสัตว์ ซึ่งจะทำให้จับสัตว์ได้ง่ายมากขึ้น 2. ไสยศาสตร์แบบชิ้นส่วนผูกมัด (Part for all magic) ไสยศาสตร์ชนิดนี้เกิดจากการนำเอาชิ้นส่วนของร่างกายบางส่วนมากระทำตามพิธีกรรม เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ จึงอาจเป็นไปเพื่อประโยชน์ของ ตนเองก็ได้ หรือเพื่อเป็นโทษแก่ผู้อื่นก็ได้อีกเช่นกัน เช่น การใช้ขี้ไคลของตนมาทำตาม พิธีกรรมแล้วใส่ในน้ำหรืออาหารให้ชายหรือหญิงที่ตนหลงรักได้กินเข้าไป จะทำให้เกิดความ ลุ่มหลงอย่างขาดสติสัมปชัญญะเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมอื่นๆ อีก ได้แก่ การใช้ ชิ้นส่วนต่างๆ ของฝ่ายตรงข้าม เช่น ผม เล็บ ขน หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมากระทำพิธี เสกเป่าด้วยคาถาอาคมเพื่อให้คนๆ นั้นได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ 3. การเข้าทรง (Being Medium) ไสยศาสตร์ชนิดนี้เกิดจากการยินยอมให้วิญญาณใดวิญญาณหนึ่ง ล่องลอยมาสิงอยู่ในตัว และกระทำการต่างๆ โดยอาศัยร่างทรงเป็นสื่อ 4. การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง (Fetichsm) ไสยศาสตร์ชนิดนี้เกิดจากใช้วัตถุอย่างใดก็ได้เป็นสื่อชักนำพลังอำนาจที่เหนือธรรมชาติ 1 กีรติ บุญเจือ, ศาสนศาสตร์เบื้องต้น, 2532 หน้า 17. ศาสนา พื้นฐานดั้งเดิม DOU 25
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More