ข้อความต้นฉบับในหน้า
4. เป็นผู้ปฏิบัติสมควร คือปฏิบัติตามสมควรแก่สมณเพศ สมควรแก่ฐานะ จน
สามารถขจัดกิเลสได้โดยลำดับจนกระทั่งหมดสิ้นไป
5. เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชาคือปฏิบัติตนดีปฏิบัติตรงปฏิบัติเป็นธรรม
ปฏิบัติสมควร ดังกล่าวนั้น ย่อมเป็นที่เคารพสักการะของคนทั้งหลาย
6. เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ คือเป็นผู้ที่เมื่อประชาชนต้อนรับแล้ว ย่อมเกิดความ
สุขสบายใจ คือประสบบุญ อันมีผลเป็นความสุขทั้งในปัจจุบันและกาลภายหน้าด้วย
7. เป็นผู้ควรแก่ทักษิณาทานคือเป็นผู้ปฏิบัติดีงามเหมาะสมเป็นผู้รับทักษิณาทาน
เพราะช่วยให้ทานที่เขาบริจาคมีผล
มีอานิสงส์มาก
8. เป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลี คือเป็นผู้ปฏิบัติชอบ ควรแก่การประณมมือไหว้
ท่านด้วยความเคารพ เป็นการแสดงความเคารพต่อท่านผู้มีคุณความดี
9. เป็นเนื้อนาบุญของชาวโลก ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นยิ่งไปกว่า เพราะคุณความดี
ของท่านดังกล่าวมาแล้ว เป็นเหมือนกับนาที่ดี ชาวโลกที่ต้องการความดีอันเป็นสุข ย่อมคบหา
สมาคมเพราะความเป็นกัลยาณมิตร เป็นบ่อเกิดแห่งความดีทั้งปวง เมื่อเข้าสมาคมย่อมได้รับ
สิ่งที่เป็นกุศล และความสุข
ดังนั้น พระสงฆ์จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วสอนให้ผู้อื่น
ปฏิบัติตาม
5.4.2 หลักสัมมาทิฏฐิ
สัมมาทิฏฐิ หมายถึง คำสอนที่ทำให้เกิดความเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
ของโลกและชีวิต ว่าสิ่งใดเป็นความชั่วที่ต้องละเว้น สิ่งใดเป็นความดีที่ต้องทำ สิ่งใดเป็นการ
ขจัดอาสวะกิเลสให้สิ้นไปอย่างเด็ดขาด และไม่ว่าจะถูกพิสูจน์โดยใคร จำนวนเท่าไร ผลลัพธ์ที่
ออกมาก็จะถูกต้องตรงกันตลอดกาล
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงหลักสัมมาทิฏฐิที่มนุษย์ทุกคนต้องเข้าใจให้ถูก
ต้องมี 10 ประการคือ
1
หน้า 342.
1. ทานที่ให้แล้วมีผล (หมายถึงการให้ในระดับแบ่งปันกัน)
2. ยัญที่บูชาแล้วมีผล (หมายถึงการให้ในระดับสงเคราะห์กัน)
3. การเซ่นสรวงมีผล (หมายถึงการบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผลดีจริง)
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย เล่ม 13. มหาจัตตารีสกสูตร, 2539
ศ า ส น า พุทธ DOU 149