ข้อความต้นฉบับในหน้า
เคยถูกทำร้าย และเคยได้รับโทษจากผู้มีอำนาจ แม้จะเผชิญกับอุปสรรคเหล่านี้สักปานใดก็ตาม
คุรุนานักก็มิได้ย่อท้อเป็นผู้ประกอบด้วยขันติธรรมและเมตตาธรรมตลอดมานับเป็นเวลานานถึง
35 ปี สามารถทำให้ชาวมุสลิมและชาวฮินดูเคารพเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก ทำให้เขาเหล่านั้นมี
ความรักสงบและมีความสมัครสมานสามัคคีกัน เป็นการบรรลุวัตถุประสงค์สมความมุ่งหมาย
ดังหลักคำสอนเรื่อง สามัคคี ความรัก ศรัทธา และเสมอภาค ที่ศาสนานี้เน้นมาก
6.2.5 บั้นปลายชีวิต
ในบั้นปลายแห่งชีวิตของคุรุนานัก แม้ว่าคุรุนานักจะนุ่งห่มแบบนักพรต แต่ก็มิได้
ดำเนินชีวิตนักบวช (ศาสนาซิกข์ไม่มีนักบวช) ท่านคุรุยังคงอยู่กับบุตรภรรยาของท่านเมื่ออายุได้
71 ปี สภาพร่างกายสังขารดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปมาก จนกระทั่งคุรุนานักรู้ตัวว่าจะอยู่ต่อ
ไปอีกไม่นาน อวสานแห่งชีวิตก็คืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ คัมภีร์ครันถะได้พรรณนาช่วงชีวิต
ตอนนี้ไว้ว่า คุรุนานักรู้อวสานของตน เมื่อเวลาใกล้เข้ามา ได้มอบธุระการงานให้แก่อัครสาวก
คนหนึ่งชื่อ ลาหินา บางแห่งเรียกว่า ไฮลาห์นา ความจริงคุรุนานักมีความตั้งใจจะมอบงานต่าง ๆ
ให้บุตรชาย แต่บุตรชายเป็นผู้มีบาป เคร่งครัดในลัทธิฮินดู ไม่สามารถเปลี่ยนใจมานับถือลัทธิ
ของบิดาได้นับว่าเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คุรุนานักไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนักเมื่อใกล้จะถึงอวสานกาล
ในคัมภีร์ครันถะได้แสดงความในลักษณะปาฏิหาริย์ไว้ว่า คุรุนานักเหนื่อยอ่อนมาก ได้เข้าไป
พักใต้ต้นพฤกษาแห่งต้นหนึ่งที่ตำบลคาเตปุระ แคว้นปัญจาป ขณะนั้นพฤกษาแตกออกดอกใบ
เขียวสดไปเต็มต้น ต้อนรับและบูชาท่านคุรุให้เห็นเป็นอัศจรรย์ มีสาวกที่เป็นมุสลิมและฮินดู
เข้าประชุมกันคับคั่งเพื่อคอยพยาบาล เมื่อไม่มีหวังว่าชีวิตของอาจารย์จะยืนยาวต่อไป สาวก
ฝ่ายมุสลิมจึงกล่าวขึ้นว่า ถ้าอาจารย์ถึงอวสานจะนำศพไปฝังตามพิธีมุสลิม สาวกฝ่ายฮินดู
ได้ยินก็ไม่ยอม ค้านว่าจะขอเป็นเจ้าภาพประกอบพิธีศพของอาจารย์ตามธรรมเนียมของฮินดู คือ
เผา ท่านคุรุได้ยินสาวกโต้เถียงกัน จึงห้ามมิให้วิวาทกัน ขอให้พวกสาวกฝ่ายฮินดูนำดอกไม้มา
วางไว้ข้างศพเบื้องขวา ให้พวกมุสลิมนำดอกไม้ไว้ข้างซ้าย รอไปจนถึงรุ่งขึ้นจากเวลาสิ้นลม
ดอกไม้ของใครบานก่อนให้ศพตกเป็นของฝ่ายนั้น ต่อจากนั้นสั่งให้สาวกสาธยายมนต์ ส่วน
ตนเองชักผ้ารองพื้นคลุมร่างมิดชิด ตั้งสติมุ่งหน้าต่อพระผู้เป็นเจ้า มีอัครสาวกนั่งอยู่ข้าง ๆ
พร้อมด้วยสาวกเหล่าอื่น จนกระทั่งรุ่งเช้าสาวกเปิดผ้าคลุมนั้นออก ปรากฏว่าร่างของอาจารย์
หายไป และดอกไม้ทั้งซ้ายขวาบานขึ้นพร้อมกัน เป็นอัศจรรย์ สาวก 2 ฝ่ายทำพิธีโดยปราศ
จากศพอาจารย์ ก่ออนุสาวรีย์เป็นปูชนียสถานไว้ตรงบริเวณอวสานของอาจารย์แห่งหนึ่ง และที่
ฝั่งแม่น้ำราวีอันเป็นแหล่งกำเนิดของอาจารย์อีกแห่งหนึ่ง
ศ า ส น า ชิ ก ข์
DOU 179