ข้อความต้นฉบับในหน้า
แม้
เป็นใหญ่เรียกว่า “ไศวะนิกาย” กับนิกายที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่เรียกว่า “นิกายไวษณพ” ต่าง
สร้างประวัติยกย่องเทพเจ้าฝ่ายตนเลอเลิศและดูหมิ่นเหยียดหยามเทพเจ้าของอีกฝ่ายหนึ่ง
จะมีผู้พยายามแก้ปัญหาโดยยกให้เทพทั้งสาม คือ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ มีศักดิ์สูง
เท่าเทียมกัน เรียกว่า “ตรีมูรติ” ก็ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนรวม
สมัยนี้นับเป็นสมัยเสื่อมแห่งพระพรหม เพราะในบรรดาเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามองค์
พระศิวะกับพระวิษณุ มีผู้นับถือและให้ความสำคัญมากที่สุด
2. มีการสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าองค์สำคัญเพิ่มเติมไปในทางที่เสื่อมเสียแต่กลับได้
รับความนิยมในหมู่ผู้นับถือ
มีสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในยุคเสื่อมของศาสนาฮินดูอยู่ 2 สิ่ง คือ
1. เครื่องหมายอันเป็นสัญลักษณ์ของศาสนานี้ ซึ่งมีที่มาจากกำเนิดของตรีมูรติ คือ
เทพเจ้าทั้งสาม เครื่องหมายดังกล่าวได้แก่อักขระ เทวนาครี ซึ่งมีคำอ่านว่า “โอม”
2. ในตอนต้นของยุคนี้ คือ สมัยที่ราชวงศ์คุปตะปกครองอินเดีย ราชวงศ์นี้ได้ส่งเสริม
งานด้านวรรณกรรมมาก ความเจริญด้านวรรณกรรมสมัยนี้มีทั้งบทละคร กาพย์ นิยาย และนิทาน
ตลอดจนตำราต่าง ๆ ฯลฯ วรรณกรรมที่เกี่ยวกับศาสนาฮินดูเล่มหนึ่งซึ่งนับว่ามีความสำคัญอยู่
มากได้แก่ วรรณกรรมชื่อ “ปุราณะ” แต่งด้วยฉันท์ภาษาสันสกฤต มีเนื้อหาสาระ 5 ประการ คือ
2.1 กล่าวถึงกำเนิดของโลกและการสร้างโลก
2.2 การทำลายล้างและการสร้างโลกใหม่
2.3 กำเนิดเทพเจ้าและมหาฤๅษีทั้งหลาย
2.4 กำเนิดพระมนู และเหตุการณ์ในสมัยพระมนู
2.5 ตำนานแห่งกษัตริย์ทั้งสุริยวงศ์ และจันทรวงศ์
วรรณกรรมดังกล่าว ศาสนาฮินดูทั้งนิยายไศวะและนิกายไวษณพ ได้นำมาแต่งเป็นคัมภีร์
ในนิกายของตน ต่างฝ่ายต่างยกย่องเทพเจ้าที่ตนเคารพไว้สูงกว่าเทพอื่น จึงมีเรื่องราวที่ขัดแย้ง
กันแต่อย่างไรก็ตามคัมภีร์ปุราณะฉบับที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดคือ คัมภีร์ปุราณะ
ของนิกายไวษณพ ซึ่งเรียกกันว่า “วิษณุปุราณะ”
ศ า ส น า พ ร า ห ม ณ์ - ฮินดู DOU 63