ข้อความต้นฉบับในหน้า
Bsu: sill
เส้นทางสู่สันติ
๒๖
ให้กลับลงมา ส่วนศรลูกที่สองขึ้นไปถึงภพดาวดึงส์ เสียงแหวก
อากาศของลูกศรที่กลับลงมาคล้ายเสียงสายฟ้า ขณะลงมาก็มา
ทางเดิมแล้วตัดขั้วพวงมะม่วงได้พอดี พระกุมารใช้พระหัตถ์
ข้างหนึ่งรับพวงมะม่วงไว้ อีกข้างหนึ่งรับลูกศร
มหาชนเห็น
ความอัศจรรย์นั้น พากันส่งเสียงชื่นชมยกย่องว่า ท่านเป็นเลิศ
กว่านักแม่นธนูทั้งหลาย แม้แต่พระราชาก็ทรงเลื่อมใสและ
พระราชทานรางวัลให้มากมาย
เมื่อพระราชา ๗ เมืองรู้ว่า บัดนี้อสติสราชกุมารมิได้อยู่
ในกรุงพาราณสี จึงพากันยกพลมาเพื่อยึดกรุงพาราณสี
พระเจ้าพรหมทัตทรงกลัวมรณภัย จึงรีบส่งทูตไปรับพระเจ้าพี่
เสด็จกลับเมือง ทั้งกำชับให้นำเสด็จกลับมาให้ได้ และฝาก
พระดำรัสไปถึงอสทิสราชกุมารว่า “หากพระเจ้าพี่ไม่เสด็จกลับมา
น้องคงไม่มีชีวิตรอด”
ด้วยความรักในพระอนุชา พระโพธิสัตว์รีบเสด็จกลับ
กรุงพาราณสี ทรงปลอบพระอนุชาให้เบาใจแล้วจารึกอักขระลง
ที่ลูกศรมีใจความว่า “เราชื่อ อสทิสราชกุมาร บัดนี้ กลับมาแล้ว
ขอให้พวกท่านรีบยกทัพกลับไป มิเช่นนั้น เราจะยิงศรไปล้างชีวิต
ของพวกท่านทั้งหมด แต่เราจะไม่ทำร้ายผู้เชื่อฟังเรา แม้เลือด
เพียงแมลงวันกินพออิ่ม เราก็จะไม่ให้ไหลออก ขอให้พวกท่าน
รีบยกทัพกลับไปเสีย”