ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาช
โกรธกันไปทำไม
៤៤៧
ครั้นพระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มากล่าวแล้ว
ทรงประชุมชาดกว่า “พญานาคและพญาครุฑในครั้งนั้น ได้มา
เป็นอำมาตย์ผู้ใหญ่ทั้งสองในบัดนี้ ส่วนดาบสได้เป็นเราตถาคต”
ความโกรธเป็นสิ่งที่ทำร้ายมิตร และทำร้ายตนเอง
พระบรมครูของเราจึงทรงแนะนำพร่ำสอนให้เจริญเมตตา โดย
ไม่ให้โกรธพยาบาทอาฆาตต่อกัน และยังทรงตรัสอานิสงส์ของ
ความไม่โกรธไว้ว่า “ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อนในภพก่อน
เป็นผู้ไม่มีความโกรธ ไม่มีความคับแค้นใจ แม้คนหมู่มากจะว่า
ก็ไม่มีใจขุ่นมัว ไม่ผูกโกรธ ไม่พยาบาท ไม่จองล้างจองผลาญ
ไม่ทําความโกรธ ความเครียด และความเสียใจให้ปรากฏเกิด
ขึ้นเลย ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตาย
เพราะกายแตก เพราะกรรมนั้นอันตนได้ทำ สั่งสมพอกพูนให้
ไพบูลย์ ครั้นจุติจากสวรรค์แล้วมาเกิดในเมืองมนุษย์ ย่อมได้
มหาปุริสลักษณะนี้ คือมีฉวีวรรณดังทองคำ และผู้ที่สมบูรณ์ด้วย
ลักษณะมหาบุรุษ ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ถ้าออกผนวชจะได้บรรลุอมตธรรมอันเลิศ”
จะเห็นว่า ความโกรธเป็นสิ่งไม่ดี มีแต่นำทุกข์นําโทษ
มาให้ ส่วนอานิสงส์ของเมตตานั้นมีมากมาย เพราะฉะนั้น
หากเราโกรธใครก็ตาม ให้เราหมั่นเจริญเมตตาจิตอยู่เสมอ