ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
อาศัยมานะเพื่อละมานะ
៨៩
ขึ้นได้ สำหรับผู้มีปัญญาจะอาศัยความมุมานะสร้างความดีให้
ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อจะได้ละมานะออกจากใจ ดังเรื่องของอุปกาชีวก
ดังนี้
*ในสมัยพุทธกาล มีนักบวชนอกพระพุทธศาสนานามว่า
อุปกาชีวก เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์แสวงหาทางพ้นทุกข์
เผอิญครั้งนั้น ได้เดินทางไปพบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใน
ระหว่างทางอันเป็นเขตเมืองคยากับมหาโพธิสถาน อุปกาชีวก
เห็นข่ายแห่งพระฉัพพรรณรังสีของพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดความ
ฉงนใจจึงเดินเข้าไปใกล้ แล้วเพ่งพินิศดูพระพุทธรัศมีด้วยความ
สนเท่ห์ยิ่งนัก
พระบรมศาสดาทรงโชติช่วงด้วยพระเกตุมาลา ทรง
สบงจีวรน่าเลื่อมใส พระพักตร์แลผ่องใสดุจดอกโกมุทบริสุทธิ์
สิริวรรณะ อุปกาชีวกจึงมีจิตคิดคารวะยำเกรงพระเดชแห่ง
พระบรมศาสดา มีขนชูชันทั่วสรรพางค์กาย ถึงกับออกปาก
ชื่นชมว่า “อินทรีย์ของท่านผ่องใสยิ่งนัก ฉวีวรรณผ่องผุดงาม
บริสุทธิ์ ท่านมีนามว่าอย่างไร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือว่า
ท่านได้เล่าเรียนธรรมะในสํานักอาจารย์ใด เหตุไฉนท่านจึง
รุ่งเรืองด้วยรัศมี ประหนึ่งมีฉัตรกางกั้นไว้เบื้องบน
*มก. เล่ม ๕๔ หน้า ๓๔๖