ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาช
ผู้เสียหายทั้งส
าย ทั้งสองทาง
๑๑๑
พลางกล่าวว่า “เราไม่ได้บ้า เจ้าสิบ้า เจ้ามาว่าเราทำไม เราจะ
ไปแจ้งให้นายอำเภอปรับสินไหมเจ้า 6 กษาปณ์” แล้วต่างพา
กันไปหานายอำเภอ เพื่อให้ชำระข้อพิพาท นายอำเภอตัดสินให้
ปรับหญิงผู้เป็นภรรยาของพรานเบ็ด เพราะเห็นว่านางแต่งตัว
แปลกประหลาด ทั้งยังอุ้มลูกสุนัขไว้ที่สะเอว เที่ยวเดินไปเดิน
มาอยู่อย่างนั้น ใครเห็นก็ต้องคิดว่า เป็นหญิงบ้าเสียสติอย่าง
แน่นอน ครั้นถูกตัดสินให้เป็นผู้ผิด นางก็ไม่ยอมรับ นายอำเภอ
จึงสั่งลงโทษโดยการให้เฆี่ยนตีนาง
รุกขเทวดาโพธิสัตว์เห็นพฤติกรรมของนาง และสามี
นางที่ต้องทุกข์ทรมานเช่นนั้น จึงพูดขึ้นว่า “ดูก่อนเจ้าผู้มี
ปัญญาทราม การงานของเจ้าเสื่อมเสียหมดทั้งในน้ำ ทั้งบนบก
เจ้าท่าพลาดจากประโยชน์ทั้งสองสถาน” แล้วกล่าวคาถาว่า
“ตาของเจ้าก็แตก ผ้าของเจ้าก็หาย ภรรยาของเจ้าก็ทะเลาะ
กับหญิงเพื่อนบ้าน การงานทั้งหลายก็เสียหายทั้งในนํ้า และทั้ง
บนบก” เมื่อพระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงจบแล้ว
พระองค์ทรงสรุปชาดกว่า “พรานเบ็ดในครั้งนั้นได้มาเป็น
พระเทวทัต ส่วนรุกขเทวดาได้มาเป็นเราตถาคต”
จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ความตระหนี่และความไม่
พิจารณาใคร่ครวญให้ดี เป็นเหตุแห่งความวิบัติ อันที่จริงแล้ว