ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
สุกรโพธิสัตว์
๑๘๓
เครื่องลูบไล้ใหม่ แต่ไหนแต่ไรมา กลิ่นของศีลนั้นไม่เคยจาง
หายไป”
สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ ในอดีตดั้งเดิม
ล้วนมีดวงจิตที่เป็นประภัสสร หมายถึงธรรมชาติของจิตดั้งเดิมนั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “มีความสว่างไสวเป็นนิตย์ ที่
หม่นหมอง ก็เพราะธาตุธรรมเห็นจําคิดรู้ถูกอาสวกิเลสและ
อวิชชาเอิบอาบซึมซาบปูนเป็น ทำให้เห็นจำคิดรู้ที่เคยสะอาด
บริสุทธิ์สว่างไสว ต้องพลอยหมองหม่นไปด้วย เมื่อถูกกิเลสบีบคั้น
หนักเข้า ทำให้ต้องพลั้งพลาดไปสร้างบาปอกุศล าแล้วซ้ำอีก
เมื่อสร้างกรรมชั่ว ก็ต้องมาเสวยวิบากกรรม” ดังนั้นพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “สังสารวัฏของสรรพสัตว์ผู้ไม่รู้พระสัทธรรม
ยาวนานนับกัปกัลป์”
เพราะห้วงน้ำ คือพระสัทธรรมที่สะอาดบริสุทธิ์
สามารถช่าระล้างโคลนตมคือกิเลสได้ สิ่งที่เป็นมลทินจะถูกขจัด
ให้สะอาดหมดจด บัณฑิตทั้งหลายเรียกบาปอกุศลว่า เป็น
เหงื่อไคล ที่ทําให้สกปรกน่ารังเกียจ และเครื่องลูบไล้ที่มีกลิ่นหอม
ยาวนานทนทานที่สุดก็คือ กลิ่นแห่งศีล ผู้มีธรรมะอยู่ในใจจะอยู่
ที่ไหนก็มีแต่ความสุข ชีวิตจะถูกยกให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ว่าจะมี
เหตุการณ์ใดๆขึ้น บางครั้งอาจถึงขั้นสูญเสียชีวิต แต่ผู้มีธรรมะ