ข้อความต้นฉบับในหน้า
Dsuem ประชาช
รวยแต่ไม่มีบุญได้ใช้ทรัพย์
๒๗๓
พระคุณเจ้าด้วย” บ่าวผู้ติดตามก็ได้พาพระปัจเจกพุทธเจ้าไปที่
บ้านภรรยาของเศรษฐีได้จัดแจงอาหารที่ประณีต มีรสเลิศต่างๆ
น้อมถวายท่านด้วยความเคารพ บรรจุจนเต็มบาตร หลังจาก
พระปัจเจกพุทธเจ้ารับบาตรแล้วก็อนุโมทนา จากนั้นได้เดินออก
จากเรือนของท่านเศรษฐีบ่ายหน้ากลับไปที่พัก
ในระหว่างทางที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเดินกลับ ได้เดิน
สวนทางกับท่านเศรษฐี เมื่อเศรษฐีมองเห็นก็เดินเข้ามาไหว้
พร้อมกับเอ่ยปากถามว่า “พระคุณเจ้าได้รับภัตตาหารแล้ว
หรือยัง” ตครสิขีปัจเจกพุทธเจ้า ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ
ตอบว่า “อุบาสก อุบาสิกาที่บ้านของท่านได้จัดแจงภัตตาหาร
ถวายแล้ว” เศรษฐีได้ฟังดังนั้นจึงดูบาตรของท่านเมื่อเห็นอาหาร
ที่ประณีต และมีรสเลิศมากมายเช่นนั้น แทนที่จะปลื้มปีติ
กลับเกิดความรู้ลึกเสียดาย ไม่อาจทําใจให้เลื่อมใสได้ กลับคิดว่า
น่าเสียดายอาหาร เหล่านี้ ถ้าเราให้ทาสและกรรมกรทานยังจะ
ได้ใช้แรงงาน นับว่าเราทำผิดพลาดแล้ววันนี้
โดยปกติ การที่จะประสบบุญมากจะต้องมีเจตนาในกาล
ทั้งสาม คือ ก่อนให้ก็ดีใจ ขณะให้ก็เลื่อมใส และหลังจากให้แล้ว
ก็ปีติเบิกบานในบุญ หากเป็นอย่างนี้จะเป็นผู้ที่ได้บุญเต็มเปี่ยม
บริบูรณ์ แต่เศรษฐีไม่ได้เป็นอย่างนั้น กลับทำใจไม่ได้เพราะเกิด
ความเสียดายในภายหลัง