อุปมานมาปุยมาจากพระไตรปิฎก : หน้า 45/370

อุปมานมาปุยมาจากพระไตรปิฎก ๒.๒.๔ พระเจ้ามิลินทร์ราสามพระนาคเสนว่า พวกเดียวริยํ้ กล่าวว่าถ้าพระพุทธเจ้ายัง ทรงยินดีต่อการชุษฎี ก็ยังไม่มีชื่อว่า ปริพพาน ยังเกี่ยวข้องกับโลก ถ้าพระสัมพุทธเจ้า ปริพพานแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับโลก หลุดพ้นจากกิเลสปวงแล้ว การชุษฎีพระพุทธเจ้าไม่เกิด ประโยชน์ พระนาคเสนลูกตอบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงยินดีด้วยลักษณะ เหมือนไฟทองใหญ๋ไม่ ยืนดีด้วยเชื่อ เหมือนแผ่นดินใหญ่ม่ยืนดีต่อพิษทั้งปวงที่อาศัยแผ่นดินเจริญงอกงาม พิษที่เจริญ ก่อมโดยอาศัยแผ่นดินเหมือนการบูชพระสัมพุทธเจ้า ผู้ชุบชนะพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังมีผล. มิน. ๑๖ ๒.๒.๗ ในภิกษุสงฆ์นี้ ภิกษุทั้งหลายยังเป็นผู้ใหม่ บวชไม่เนาน เพิ่มมาสุขะธรรมวินัยนี้มี อยู่ เมื่อภิกษเหล่านี้ไม่ได้เผาพระผู้มีพระภาคเจ้า จะพึงมีความน้อยใจ มีความแปรปรวนไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เปรียบเหมือนพิศที่ยังไม่อาไม่ได้ด่า จะพึงเป็นอย่างอื่น จะพึงเปรปใด ฉันใด ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในภิกษุสงฆ์นี้ ภิกษุทั้งหลายยังเป็นผู้ใหม่ บวชไม่นาน เพิ่มมาสุ พระธรรมวินนี้มีอยู่ เมื่อภิกษเหล่านี้ไม่ได้เผาพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็นั้น ม.ม. (พุทธ) มค. ๒๐/๓๙ ๒.๓ ความยิ่งใหญ่ ๒.๓.๑ พระจันทร์ และพระอาทิตย์โครงทิศให้สว่างไสวมีประมาณเท่าใด โลกตั้งพื้นก็ เท่านั้น อำนาจของพระองค์ย่อมเป็นไปในทันโลกนั้น ที.ม. (อรรถ) มค. ๑๔/๓๓ ๒.๓.๒ นับตั้งแต่พระสมณโคดมบัณฑิตขึ้นมา พวกเรานับชะแลย กลายสภาพเป็นเหมือน ฟูงที่ห้อยในงามดวงอาทิตย์อุทัย ที.ปา. (อรรถ) มค. ๑๕/๒๒ ๒.๓.๓ พระเจ้าอรรคธิดามีหัวอามาตย์อำท่าอันโลมล่ำ เสด็จเสียบแผ่นดินอันไพศาลนี้ มี มหาสมุทรเป็นอาณาเขตปริโยบ ได้ ฉันใด พระสาวกทั้งหลายผู้วิริยะ ๓ ละมัจฉาใช้ได้แล้ว พากันเข้าไปอ่มอ้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงชนะสงครามแล้ว ฉันนั้น ข.เถร. (เลราะ) มค. ๑๕/๘๘