ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๓๑
อุบาสนไมสจากพระใคร่ครวญ
เลี้ยงชีพด้วยวิชาชาดดาวดุงฤทธิ์ เรียกว่า เบญหน้าฉัน
เลี้ยงชีพด้วยการทำหน้าที่เป็นตัวแทนและผู้สื่อสาร เรียกว่า มองดูทีใหญ่ฉัน
เลี้ยงชีพด้วยวิชาชาดอั่วยวะ เรียกว่า มองดูทีอ่อน
สง.ข. (เถร) มค. ๒๗/๕๕๑
๔. ภิกษุกับสกุล
๔.๑ มีพิธีไปเยื่อนไปในบ้าน เหมือนแสงจูไม่ยงดอก สี และกลิ่นให้ขอกช้า ถือเอาแต่รสด
แล้ววันนี้ไป ฉะนั้น
ข.ธ. (อรรถว) มค. ๑/๒
๔.๒ พระปัญเจกพระพุทธเจ้า ชื่อว่า ไม่เลี้ยงผู้อื่นเพราะไม่เลี้ยงกิเลสมาสนั้น เที่ยวไปตามลำดับ
ตรอก คือ ไม่เที่ยวและเวียน เข้าไปบิณฑบาตตามลำดับ ทั้งตระกูลมังคลัง และตระกูลยาจน มวิญัต
ไม่เกี่ยวข้องด้วยอำนาจกลิในตระกูลใดตระกูลหนึ่ง เปรียบเหมือนพระจันทร์ใหม่อยู่เป็นนิจสิน
ข.จู. (อรรถ) มค. ๒๗/๒๓๒
๔.๓ ธรรมดานังหลายรู้สันนิษดิฉันไม่มีบุตร มีบุตร จิงพากินมาดจากที่ต่างๆ เอาเล็บ
ปีน และจะออมปาก แทง จิก กิน ผลไม้ของต้นไม้นั้น นกเหล็กนั้นไม่ได้คิดว่า ผลไม้นาสำหรับวันนั้น
ผลนี้สำหรับพรุ่งนี้ ก็เมื่อผลไม้หมด นกทั้งหลายมีความหวังว่าจะวางการป้องกันรักษาต้นไม้ มีโอกาวปีน
ขน เล็บ หรือจะขอไปกินดีก็ไม่นั้น ไม่หย่งเย็นนี้ในนั้น นปราณจะไม่ได้คิด ก็ได้กล่าวไว้
ต้นไม้นั้น นปราณจะไปก็ได้ ก็มา คือ ปีนเท่านั้น นินไปทางคันนี ภิกษูนี้เหมือนกัน
หมดความข้อง หมดความหวังไหล หลกไป คือ ถือเอาเพียงบริจาค ๘ แล้วหลีกไป
อัง.อจกก. (อรรถ) มค. ๓๕/๕๒
๔.๔ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงโบกพระหัตถ์ในอากาศ แล้วตรัสแก้กิเลวหลายๆว่า ฝ่ามือ
ไม่มีช่อง ไม่ดี ไม่พิพากันในอากาศ ฉันใด จิตของกิเลวเข้าไปในสกุล ไม่ช่องไม่พึงพัง ฉันนั้น
เหมือนกัน โดยตั้งใจว่า ผู้ปรารถนาอาจจะได้ลาภ ผู้ปรารถนาองอาจได้บุญ เป็นผู้พอใจลาภของ
ตน เป็นผู้พลอยยินดีในลาภของชนเหล่าอื่น ภิกษุนี้ปานนี้ จึงควรเข้าสกุล
สง.บ. (พุทธ) มค. ๒๖/๕๕๐
๔.๕ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารัสณีการเข้าสกุลของภิกข่า ควรระวังสำรวมให้ดี ต้อง
ประเมินคุณธรรมของตนเอง ไม่ใช่ว่า เห็นพระเอกน่าชื่นชมแล้ว คิดว่า พระเอกเข้าไปได้
ทำไมเราจะเข้าไปไม่ได้ เหมือนกับลูกช้างเห็นช้างทั้งหลายลงไปกินเหง้าวในสระอย่างเอร็ดอร่อย
กลงไปกินบ้าง โดยการกระโดดลงไปทำให้ขุ่น แล้วก็ความอาส่วนที่ไม่ดีมาถึง ต้องได้รับ
ทุกขเวทนา
สง.บ. (พุทธ) มค. ๒๗/๒๘๔