ข้อความต้นฉบับในหน้า
อุปมาอุปไมยจากพระไตรปิฏก
๒. เหตุแห่งความโศก
๒.๑ พระราชาเสด็จเข้าไปยังพระอุทยานที่สมบูรณ์ด้วยต้นไม้อันเต็มไปด้วยดอก และผล เป็นต้น ที่ตกแต่งไว้เป็นอย่างดี ทรงยืนดีด้วยสมมติฐัน ยอ่มทรงบังเหงื่อริบเนื่องไม่เมื่อแม่ไม้เเล้วไม่ปรารถนาจะออกไป ฉันใด สัตว์ทั้งหลายย่อมยิ้นดีด้วยถาม เเละอาลัย คือ ต้นหาเหล่านี้ก็บังนั้น ย่อมเบิกบานไม่เมื่ออยู่ในสงสารวัก
ม.ม. (อรรถ) มก. ๑๕/๕๕
๒.๒ คนพาลทั้งหลายย่อมเหี่ยวแห้งเพราะเหตุ ๒ อย่าง คือ เพราะปรารภอนาถอารมณ์ที่ยังไม่มาถึง และความเศร้าโศกถึงอารมณ์ที่ล่วงไปแล้ว ดูไม้เขียวสด ถูกถอนทิ้งไว้ที่แดดฉะนั้น
ขช. (โพธิ) มก. ๑๓/๑๓
๓. โทษของความโศก
๓.๑ ความโศกย่อมแท Hemingwayของสัตว์ทั้งหลาย ดูจูลครอาบยาพิษ ย่อมเผาสัตว์เหมือนธงเหล็กที่ไฟติดเผาแกลบ ฉะนั้น ความโศกย่อมมาดังนี้ความทำลาย กล่าวคือ พายิ ชรา และ มรณะ นำซึ่งทุกข์มีประการต่างๆ ฉะนั้น ท่านจึงเรียกวา ทุกข์
ขม. (อรรถ) มก. ๒๕/๒๕
๓.๒ ความโศกย่อมทีมแทงหัวใจของสัตว์ทั้งหลาย ดูจูลครอายาพิษ และย่อมแผดเผาด้วยอย่างรุนแรงฉุดจุดลาวาเหล็กถูกไฟเผาสังหารอยู่
ขป. (อรรถ) มก. ๒๕/๒๕
๓.๓ หน้าบี้นที่แตก แล้วจะประสานให้ติดออกไม่ได้ ฉันใด ผู้ใดครำโศกถึงผู้ล่วงลับไปแล้วผู้นั้นเปรียบเหมือนฉะนั้น
ขป.ปฏ (ทั่วไป) มก. ๙๙/๑๐
๓.๔ น้ำตาของคนที่ร้องไห้ด้วยเศร้า โทสะ โมหะ เป็นน้ำตาร้อน ส่วน น้ำตาของผู้พธรรมนั้นร้องให้ด้วยดีใสสนเป็นน้ำตาเย็น
มิน. ๑๒๑
๓.๕ พระองค์ทรงหวั่นไหวด้วยความเศร้าโศก ดูช้างพลายตกมันถูกไกรสราสลับสีจับ และจุดจวนจันทร์เข้าไปในปากแห่งราษฎร
ขช. (อรรถ) มก. ๑๔/๑๒๙