ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓.๖ อายุย่อมอาศัยอยู่รอดอยู่ ไออุ่นก็อาศัยอยู่ฉอคงนตะเกียงนั่นแหละเหมือนตะเกียงน้ำนั้นกำลังไหม แสงอ่อนอาศัยเวลาปลายงปราดา ปลายไฟอ่อนอาศัยแสงจึงปรากฏ ฉันใดฉันก็นอนนั้นแหละ.
ม.ม. (เณร) มก. ๑๙/๒๕๔
๑๐ ร่างกาย
๑๐.๑ พยายามตั้งแต่นี้ขึ้นแล้วในฤดูร้อน ยอ่มปรากฏแก่บุคคลผู้อยู่นอ ค่ีโกล ดูมีปราง แต่ไม่ปรากฏเลยแก่บุคคลผู้อยู่นอ สักใกล้ ฉันใด แม้อัตรนภาพนี้ก็รูปเหมือนอย่างนั่น เพราะเกิดขึ้น และเสือมไป เดินมาแล้วเมื่อสายทาง อาบน้ำในแม่น้ำเจ้าวดี นั่งในเรือมิร่มผึ้งแม่น้ำมี กระแสอ่อนเข้าแอ่งหนึ่ง เห็นฟองน้ำใหญ่ ตั้งขึ้นด้วยกำลังแห่งกระบังและแตกไป ได้ถือเอาเป็นอารมณ์ว่า แม้อัตรภาพก็มีรูปร่างอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะเกิดขึ้นแล้วก็แตกไป.
ขณ. (เณร) มก. ๑๙/๖
๑๐.๒ คนที่หลหลายแสนเหงาน้ำในพยับแดด แม้ไม่มีน้ำ ฉันใด ก็อิฏฐารูปาวเห็นนายอันนี้ว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่สุขงามว่า เป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวตน และ สวยงาม ฉันนั้น.
ที.ม. (อรสร) มก. ๑๙/๒๓
๑๐.๓ การพิจารณาน้ำในพยับแดดแแต่ไม่มีน้ำ ฉันใด การพิจารณาว่าเป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นอัตตา และงาม ในภายนี้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และไม่นานันเอง ฉันนั้นหามได้ ที่แท้ การพิจารณาก็คือ การพิจารณาหมูแห่งอาการที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และไม่นานันเอง.
ขม. (อรรถ) มก. ๑๕/๑๙
๑๐.๔ คนที่ผ่านมาเก็บคน หรือลูกมือของเขา ที่เขาเลี้ยงดุด้วยอาหาร และค่าจ้าง มำโคแล้ว ชำและแบ่งออกเป็นส่วนฯ แล้วนั่ง ถึง ทางใหญ่ ๔ แห่ง คือ ที่ขุมทางยานกลางทางใหญ่ ซึ่งไป ได้ทั้ง ๔ ทิศ ฉันใด ก็อิฎฐารูปามเพียวๆนะครับก็ฉันนั้นแหละ ยอ่มพิจาราณร่างกายอย่างนี้ว่า ในกายนี้มีปุริสิต อาโยธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ.
ที.ม. (อรสร) มก. ๑๙/๑๐๕
๑๐.๕ เมื่อเขาชำแหละแบ่งออกแล้ว ความสำคัญว่าคำขายไป กลับสำคัญเนื้อโคไป เขามิได้กล่าวว่า เราชาวโค ที่แบ่งเขาคือว่า เราชาวเนื้อโค เปรียบฉันใด แต่ก็รู้กันนั่นแหละ เมื่อครั้งเป็นปุรุษผูเหล่า เป็นคนสักสักดี บรรพชิตดี ลำสัญลักษณ์หรือบุคคลยังไม่ทยอยไปก่อน ตราบเท่าที่ยังไม่พิจารณาเห็นกายนี้กายนี้ตามที่ตำรงอยู่ แยกออกจากกัน ต่อเมื่อเธอพิจารณาโดยเห็นความเป็นธาตุ ความสำคัญว่าสัตว์อะไรจะไป.
ที.ม. (อรสร) มก. ๑๙/๑๐๕