ข้อความต้นฉบับในหน้า
อรูปามปุเอามาจากพระไตรปิฎก
ะพระเถรจึงทูลว่าคนเหล่านั้นเห็นชีวิตของพระองค์เข้าออกหรือไม่ ตรัสตอบว่าไม่เห็นพระเถรจึงทูลว่า คนเหล่านั้น ยังไม่เห็นชีวิตของพระองค์ผู้บูชามาอยู่เข้าออก เหตุใดพระองค์จึงทรงเห็นชีวิตของคนตายเข้าออกเล่า
ที่ม. (เทราช) มก. ๑๔/๑๙๙
๗.๑๐ พระเจ้าปายาลิส ตรีส่ายต่อไปว่า เคยตรัสสั่งใส่ลงโทษโจรที่จับได้ให้ฉันน้ำหนักดู แล้วให้เชือกตรอดคอให้ตาย แล้วชั่งดึง ในขณะมีชีวิตมีน่ำหนักเบากว่า อ่อนกว่า ใช้การงานได้ดีกว่าเมื่อคตายแล้ว เหตุนี้จึงนรงเชื่อเรื่องโลกอื่น
พระเถรทูลมาว่า พึ่งชั่งก้อนเหล็กที่เผาไฟลวดวันร้อนลูกโพล่งกับทองเหล็กเย็นเทียบกันดูอย่างไหนจะมากกว่า อ่อนกว่า ใช้การงานได้ดีกว่า
พระเถรทูลต่อไปว่า ร่างกายก็เหมือนกัน ประกอบด้วยธาตุไฟ ธาตุลม ร้อนลูกโพล่ง เบา กว่า อ่อนกว่า ใช้การงานได้ดีกว่า
พระเจ้าปายาลิสตรัสตอบว่า ก้อนเหล็กที่ประกอบกับธาตุไฟ ธาตุลม ร้อนลูกโพล่ง เบากว่า อ่อนกว่า
พระเถรูลต่อไปว่า ร่างกายก็เหมือนกัน ประกอบด้วยอุ่น (เครื่องซิบต่อหล่อเลี้ยง) ประกอบด้วยอุ่นๆ ประกอบด้วยวิญญาณ ก็มากกว่า อ่อนกว่า ใช้การงานได้ดีกว่า
ที่ม. (เทราช) มก. ๑๔/๑๙๒
๗.๑๙ พระเจ้าปายาลิสตรัสแย้งต่อว่า เคยตรัสสังให้ลงโทษโจรที่จับได้ ให้ร่อนโดยไม่กระทบกระทั่งผิว หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ยื่นในกระดูก เพื่อจะดูชีวิตออกไปจากร่าง เมื่อเขาทำอย่างนั้นและเมื่อโจรนั้นจะตายแน่ก็สั่งฉันนอนลงหงาย เพื่อจะดูชีวิตออกไป ก็ไม่เห็นชีวิตออกไป ส่งให้จับนอนคว่ำแสกข้าง ให้หยักขึ้น ให้เอาศีรษะลง ให้ใช้งามือ ก่อนนั่ง ท่อนไม้ ศีรษะ เคาะดู ให้ดีดเข้า ให้หลังออก ให้พลิกไปมา เพื่อจะดูชีวิตออกไป ก็ไม่เห็นชีวิตออกไป โจรนั้นมิติ หู จมูก ลิ้น มีรูป เสียง กลิ่น รส โมหูรพิพาะ แต่ไม่รู้สาอายตนะนั้นๆ (ไม่รู้สึก เห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกผีอุทิพะ)
พระกุมารกัลสปุตาลเปรียบเทียบว่าดาวว่า เปรียบเหมือนคนเป่าสังเวียนทางไปชนบท ชายแดนแห่งหนึ่งเป่าสังเวียนครั้ง แล้ววางสังเวียนไว้บนดิน ชาวบ้านได้ยินเสียงสงบชอบใจพวกมารุมมาว่าเสียงอะไร เขาตอบว่าเสียงสังเวียน ชาวบ้านก็ส่งชิงหาย พร้อมทั้งพูดว่า “สงเคราะห์ จงเปลี่ยงเสียง” แต่สงเคราะห์ไม่เปลี่ยงเสียง จึงจับคำว่า จับแต่แลง ยกกัน เอกโทลก เอาฟ้าหล่อ ก้อนดิน ท่อนไม้ ศีรษะ เคาะดู ให้ดีดเข้า ให้พลิกไปมา เพื่อจะดูชีวิตออกไป ก็ไม่เห็นชีวิตออกไป สังเวียนก็ไม่เปล่งเสียง